ยอดตำนานกองหน้าของ เรอัล มาดริด ที่มีแต่ ราอูล กอนซาเลซ และ โรนัลโด้เท่านั้นที่ทำลายสถิติการยิงประตูเขาลงได้

อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน่ ตำนานนักเตะเรอัล มาดริด ในตำแหน่งกองหน้า ในยุคปี 1953 เขาเป็นชาว อาร์เจนไตน์ เกิดเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1926 การมาถึงของ อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน่ สู่เรอัล มาดริด เปรียบเสมือนแสงสว่างครั้งสำคัญที่ปลุกราชันชุดขาวให้ตื่นจากการหลับใหล ก่อนก้าวเข้าสู้ความยิ่งใหญ่ของทวีปยุโรปนับตั้งแต่ช่วงเวลานั้นเป็นต้นมา

ความเป็นมาในช่วงต้น บิดาของ ดิ สเตฟาโน่ เคยเล่นเป็นกองหลังให้กับสโมสรริเวอร์เพลท ทีมฟุตบอลในลีกอาร์เจนตินาอยู่ระยะหนึ่ง แต่ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าทำให้เขาต้องเลิกเล่นฟุตบอลก่อนกำหนด แต่บิดาก็ได้ปลูกฝังทักษะด้านฟุตบอลให้หนูน้อย ดิ สเตฟาโน่ จนฉายแววความเป็นยอดนักเตะตั้งแต่ยังเด็ก เมื่ออายุได้ 12 ปี ดิ สเตฟาโน่ มีโอกาสได้ร่วมเล่นกับทีมเยาวชนชื่อ ลอส การ์ดาเลส ทีมเยาวชนของริเวอร์เพลท ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ฝึกฝนความสามารถด้านฟุตบอลให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เขาได้สัญญาอาชีพเป็นครั้งแรกกับริเวอร์เพลท ในช่วงปี 1945-1949 และเขาก็ระเบิดฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ลงเล่นไป 66 นัด ยิงประตูได้ถึง 49 ประตู ทั้งที่ยังเป็นเพียงนักเตะดาวรุ่งของทีมเท่านั้น จากฟอร์มดังกล่าวทำให้ประธานของสโมสรฮูราคาน ทีมยักษ์ใหญ่ของลีกอาร์เจนตินาในเวลานั้น รู้สึกประทับใจศักยภาพของ ดิ สเตฟาโน่ จึงตัดสินใจยืมตัวเขามาร่วมทีมในฤดูกาล 1945-46 ซึ่งเขาลงช่วยทีมไป 25 นัด ซัดไป 10 ประตู

แต่ทีมที่ทำให้ ดิ สเตฟาโน่ เป็นที่รู้จักและโด่งดังคือสโมสรมิโยนาริโอส ทีมดังจากลีกโคลัมเบียที่คว้าตัวเขามาร่วมทีมในช่วงปี 1949-1953 และเป็นช่วงเวลาที่ ดิ สเตฟาโน่ แสดงทักษะอันทรงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่ ความเก่งกาจของ ดิ สเตฟาโน่ สามารถชี้ผลแพ้ชนะของทีมด้วยสองเท้าอันคล่องแคล่ว เขาเล่นบอลอย่างมีชีวิตชีวา และนำทีมต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีก 4 สมัยติดต่อกัน เขาลงช่วยทีมไปทั้งหมด 101 เกม ซัดประตูได้มากถึง 90 ลูก จนกลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่ใครๆก็ยอมรับ






แต่ด้วยการมาของ ดิ สเตฟาโน่ ในวันที่ 22 กันยายน 1953 ถือเป็นการปลุกชีพให้ราชันชุดขาวกลับมายิ่งใหญ่ได้อย่างแท้จริง ดิ สเตฟาโน่ ลงเล่นให้มาดริดเป็นเกมแรกเมื่อวันที่ 27 กันยายน 1953 ในเกมที่มาดริดเปิดบ้านชนะ ราซิ่ง เด ซานตานเดร์ 4 – 2 และสามารถเบิกสกอร์แรกที่ลงเล่นได้ทันที วันที่ 25 ตุลาคม ปีเดียวกัน ดิ สเตฟาโน่ ลงสู้ศึกเอล กลาซิโก้ กับ บาร์เซโลน่า เป็นครั้งแรก เขายิงไปถึงสองลูกในเกมนั้น และเล่นได้อย่างโดดเด่นเหมือนทุกเกมที่ผ่านมา ซึ่งเขามีส่วนอย่างสูงในการเก็บชัยชนะเหนือทีมคู่ปรับสำคัญร่วมลีกไปถึง 5 – 0 อันเป็นสกอร์ที่ได้ปลุกสร้างความหวังในการกลับมาลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวให้กับ”ราชันย์ชุดขาว”มาดริด

จบฤดูกาล 1953-54 ดิ สเตฟาโน่ ทำให้เรอัลมาดริดกลับมาคว้าแชมป์ลา ลีกา เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ทศวรรษ เขาจบฤดูกาลนั้นด้วยการเป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีกที่ 27 ประตูจากการลงเล่นทั้งหมด 28 นัด ความยอดเยี่ยมดังกล่าวทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นการย้ายทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรเลยก็ว่าได้ เขาจึงถือเป็นแสงสว่างผู้ปลุกให้ เรอัล มาดริด ครองความยิ่งใหญ่ในลีกสเปน ที่แม้แต่ทีมคู่ปรับตลอดกาลอย่าง บาร์เซโลน่า ก็ไม่อาจจะต่อกรได้ในช่วงเวลานั้น

ดิ สเตฟาโน่ นำพาเรอัล มาดริด ยิ่งใหญ่ถึงขีดสุดด้วยการคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ ได้ยาวนานติดต่อกันถึง 5 สมัย (1955-56, 1956-57, 1957-58, 1958-59 และ 1959-60) ซึ่งยังเป็นสถิติที่ยังไม่มีนักเตะคนใดสามารถทำลายได้มาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้เขาสามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์ได้ 2 สมัยเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ คือในปี 1957 และ 1959

เขาเล่นในชุดฟอร์มของราชันย์ชุดขาวนานถึง 11 ปี นับตั้งแต่ปี 1953-1964 ช่วยทีมผงาดครองบัลลังก์แชมป์ลา ลีกา ถึง 8 สมัย ลงเล่นไปกว่า 510 เกมกับเรอัล มาดริด ยิงประตูรวมกันได้มากถึง 308 ประตูในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ 396 นัด กลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร จนกระทั่งสถิตินั้นถูกแซงหน้าในอีกหลายทศวรรษต่อมาจาก ราอูล กอนซาเลซ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตามลำดับแข้งในยุคปัจจุบัน






หลังจากเลิกเล่นให้กับมาดริด ดิ สเตฟาโน่ ก็ไปเล่นให้ เอสปันญ่อล อีก 1 ฤดูกาล ก่อนจะแขวนรองเท้า และหันมาเอาดีด้านการเป็นผู้จัดการทีมให้กับทั้งทีมในยุโรปและอเมริกาใต้ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน่ เสียชีวิตลงแล้วเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ปี 2014 ด้วยวัย 88 ปี จากอาการหัวใจวาย โดยก่อนหน้านั้น สเตฟาโน่ มีอาการหัวใจวายขณะรับประทานอาหารกินที่ร้านแถวๆ สนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว จนถูกส่งเข้าโรงพยาบาล เกรกอริโอ มารานอน ในกรุงมาดริด แต่สุดท้ายแพทย์ก็ยื้อชีวิตเขาเอาไว้ไม่สำเร็จ เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 17.15 น. ของวันจันทร์ในปีนั้น จึงถือว่าเป็นหนึ่งนักเตะตำนานของ มาดริด ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งตั้งแต่ที่ก่อตั้งสโมสรขึ้นมา

เกียรติประวัติ
ริเวอร์เพลท
อาร์เจนตินา พรีเมียร์ ดีวิชั่น : 1945, 1947
โคปา อัลเดา : 1947
มิโยนาริโอส
ดีวิชั่น เอ : 1949, 1951, 1952
โคปา โคลอมเบีย : 1953
ฟุตบอลสโมสรโลก : 1953
เรอัล มาดริด
ลาลีกา: 1953–54, 1954–55, 1956–57, 1957–58, 1960–61, 1961–62, 1962–63, 1963–64
โคปา เดล เจเนราลิซิโม: 1961–62
ถ้วยยุโรป: 1955–56, 1956–57, 1957–58, 1958–59, 1959–60
ละตินคัพ: 2498, 2500
อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ: 1960
ฟุตบอลสโมสรโลก : 1956
ระดับกุนซือ
เคยคุมทั้ง : เอลเช่, ราโย บาเยกาโน่, โบคา จูเนียร์ , ริเวอร์เพลท, บาเลนเซีย, เรอัล มาดริด

images credit : https://www.cariverplate.com.ar/

images credit : https://futbolete.com/

images credit : https://footballmakeshistory.eu/

images credit : https://bongda24h.vn/

images credit : https://twitter.com/

images credit : https://www.realmadrid.com/

images credit : https://www.eurosport.com/