ยอดตำนานดาวยิงทีมชาติ ยูเครน และ “ปีศาจแดง-ดำ”เอซี มิลาน “อังเดร เชฟเชนโก้”

อังเดร เชฟเชนโก้ ชื่อเต็มของเค้าก็คือ “อันเดร ไมโคเลย์โยวิช เชฟเชนโก้” หนึ่งในกองหน้าจตุรเทพของ เอซี มิลาน ในปี 1999-2006 ที่ลงเล่นให้ มิลาน ไปทั้งหมด 226 นัด ยิงไป 127 ประตู ถือเป็นหนึ่งในตำนานของทีมที่ยิงเยอะติดอันดับท็อปของทีมกันเลยทีเดียว

เชฟเชนโก้ เกิดเมื่อวันที่ 29 กันยายน ปี 1976 ที่ดิเวอร์เคียฟสชีน่า, ยูเครน(สภาพโซเวียตเดิม) เคยเป็นเจ้าของรางวัลบัลลงก์ดอร์ในปี 2004 รวมถึง เป็นหนึ่งในนักเตะยอดเยี่ยม 125 คนที่ยังมีชีวิตอยู่ จากการคัดเลือกของ เปเล่ ราชาลูกหนังโลก โดย เชฟเชนโก้ สร้างชื่อได้อย่างระเบิดเถิดเทิง ภายหลังเป็นนักเตะที่สามารถยิงประตูในการแข่งขันระดับสโมสรมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่ 60 ลูก

เชฟเชนโก้ ประสบความสำเร็จอย่างมากในการลงเล่นให้กับทีมเยาวชนของดินาโม เคียฟ ในปี 1990 เขาร่วมทีมเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปีของดินาโม เคียฟ มาลงแข่งขันฟุตบอล “เอียน รัช คัพ” ที่ประเทศเวลส์ และเขาก็ได้ตำแหน่งดาวซัลโวของการแข่งขัน ได้รางวัลเป็นรองเท้าของ เอียน รัช นักเตะกองหน้าระดับตำนานของลิเวอร์พูล โดยที่ รัช มามอบรางวัลให้ด้วยตนเอง

ในฤดูกาล 1993-1994 เชฟเชนโก้ เป็นดาวซัลโวของทีมชุดบี ของ ดินาโม เคียฟ โดยทำได้ 12 ประตู ทำให้ได้ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ในที่สุด และพาทีมดินาโม เคียฟ ภายใต้การคุมทีมของ วาเลรี่ โลบานอฟสกี้ คว้าแชมป์ลีกของยูเครนมาครองได้ ในฤดูกาล 1994-1995




นอกจากนั้นเขายังทำประตูแรกในการลงเล่นทีมชาติได้ ในเดือนพฤษภาคม ปี 1996 ในนัดที่ยูเครน ลงเตะอุ่นเครื่องกับ ตุรกี ก่อนจะพาทีมคว้าแชมป์ลีกยูเครน ฤดูกาล1995-1996 มาครองได้อีก

ในฤดูกาล 1997-1998 ซึ่งในฤดูกาลนี้ เชฟเชนโก้ แจ้งเกิดในระดับยุโรปเต็มตัว ด้วยการทำแฮตทริกช่วยให้ ดินาโม เคียฟ ถล่ม บาร์เซโลน่า ทีมยักษ์ใหญ่ของสเปนไป 4-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยในฤดูกาลดังกล่าว เชฟเชนโก้ ทำได้ 19 ประตู จากการลงสนาม 23 นัด ในลีก และทำได้อีก 6 ประตู จากการลงสนาม 10 นัด ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนจะมากดไปอีก 28 ประตูในทุกรายการของฤดูกาล 1998-1999 พา ดินาโม เคียฟ เป็นแชมป์ลีกยูเครน อีกสมัย และผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

หลังจากสร้างชื่ออยู่ในบ้านเกิดมานาน เชฟเชนโก้ ก็ถูก เอซี มิลาน ทีมยักษ์ใหญ่ของ กัลโช่ เซเรีย อา ในอิตาลี ซื้อตัวมาร่วมทีม ในปี 1999 ด้วยมูลค่า 20 ล้านปอนด์ และก็กลายเป็นผู้เล่นกำลังสำคัญของทีมนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดย เชว่า ลงสนามนัดแรกให้กับ มิลาน ในเกมที่เสมอกับ เลชเช่ 2-2 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ปี 1999 ก่อนจะยิงระเบิดระเบ้อไปถึง 24 ประตู จากการลงสนาม 32 นัด เป็นดาวซัลโวสูงสุดของกัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาล 1999-2000

อย่างไรก็ตาม เชฟเชนโก้ ก็มาประสบความสำเร็จร่วม มิลาน แบบสุดๆ ในฤดูกาล 2002-2003 เมื่อสามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และแชมป์อิตาเลี่ยน คัพ มาครองได้ แม้ว่า เชฟเชนโก้ จะทำได้แค่เพียง 5 ประตู จากการลงสนามในลีก 24 นัด แต่เขาก็เป็นผู้ยิงจุดโทษคนสุดท้ายช่วยให้ “ปีศาจแดง-ดำ” เอาชนะ ยูเวนตุส ในรอบชิงชนะเลิศของแชมเปี้ยนส์ ลีก

ในเดือนธันวาคม ปี 2004 เชฟเชนโก้ ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรป หรือ บัลลงดอร์ มาครอง ทำให้เขากลายเป็นนักเตะยูเครนคนที่สามที่ได้รับรางวัลดังกล่าว หลังจากที่ โอเล็ก บล็อกคิน และ อิกอร์ เบลานอฟ เคยทำได้มาแล้ว นอกจากนี้ เขายัง เป็นหนึ่งในนักเตะยอดเยี่ยม 100 คนที่ยังมีชีวิตอยู่ จากการคัดเลือกของ เปเล่ ราชาลูกหนังโลก รวมทั้งยังได้รับรางวัลวีรบุรุษของชาว ยูเครน จากอดีตประธานาธิบดี ลีโอนิด คุชม่า ของยูเครน

เชฟเชนโก้ เล่นกับทีม เอซี มิลาน ที่นั้นเค้าทำให้ตัวเองกลายเป็นตำนานของทีมไปแบบไร้ข้อกังขา กับผลงานการลงสนาม 208 เกม ทำได้ 127 ประตู ใน 5 ฤดูกาลที่นี่ คงไม่ต้องสาธยายอะไรกันนัก การลงเล่นของเค้าในเวลานั้นกลายเป็นกองหน้าตัวหลักของทีม พร้อมกับสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นกองหน้า 1 ใน 5 ของโลกในเวลานั้นได้เลย

ต่อมา เชฟเชนโก้ ก็ได้ย้ายทีมอีกครั้ง คราวนี้ได้ย้ายมาเล่นให้กับเชลซี บนเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ค่าตัวราคา 24 ปอนด์ แต่การย้ายครั้งนี้กลับกลายเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ดูเหมือนว่า เชฟเชนโก้ ไม่ได้เปรี้ยงปร้างเหมือนดังเดิม ทำให้กลายเป็นดีลที่ล้มเหลวครั้งหนึ่งของชีวิตกันเลยทีเดียว 3 ฤดูกาลลงเล่น 48 เกม ยิงไปเพียง 9 ประตูเท่านั้น

จากความล้มเหลวในการเล่นให้กับเชลซี ทำให้เค้าไม่มีทางเลือกต้องย้ายทีมอีกครั้งเพื่อเรียกฟอร์มกลับมา โดยได้ย้ายไปเล่นแบบยืมตัวให้กับทีมต้นกำเนิดของเค้าอย่าง เอซี มิลาน เล่นไป 18 เกม ทำประตูไม่ได้เลยเพราะมีอาการบาดเจ็บรบกวน






ต่อมา เขาตัดสินใจกลับกรุงเคียฟ ย้ายไปเล่นให้ต้นกำเนิดการค้าแข้งอีกครั้ง ที่นั้นเค้าลงเล่นอยู่ประมาณ สามซีซั่น ลงเล่นไป 55 เกมทำไป 23 ประตู พร้อมกับแขวนสตั๊ดที่นั่นไปในที่สุด หลังจากแขวนสตั๊ดไป อังเดร เชฟเชนโก้ ก็เดินสู่ทางโค้ชเต็มตัว และคุมทีมชาติ ยูเครน จนกระทั่งลาออกจากตำแหน่งไปหลังจากไม่สามารถพาทีมเข้ารอบบอลโลกที่ กาตาร์ ได้ และรับงานโค้ชที่ เจนัว ไม่ถึงฤดูกาล ก่อนจะโดนปลดไปเพราะทำทีมตกชั้น

เกียรติประวัติ
ดินาโม เคียฟ
วิชชา ลีฮา: 1994–95, 1995–96, 1996–97, 1997–98, 1998–99
ยูเครน คัพ: 1995–96, 1997–98, 1998–99
ยูเครน ซูเปอร์ คัพ: 2011
ยูเครน คัพ: 1996, 1997, 1998
เอซี มิลาน
กัลโช่: 2003–04
โคปปา อิตาเลีย: 2002–03
ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า: 2004
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2002–03;รองชนะเลิศ: 2004–05
ยูฟ่าซูเปอร์คัพ: 2003
เชลซี
เอฟเอ คัพ: 2006–07
ฟุตบอลลีกคัพ: 2006–07
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: รองชนะเลิศ: 2007–08
ส่วนตัว
บัลลงดอร์: 2004
นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยูเครน: 1997,1999, 2000, 2001, 2004, 2005
ประตูแห่งปีของกัลโช่: 2004
หอเกียรติยศเอซี มิลาน
โกลเด้นฟุต: 2005

images credit : https://www.indosport.com/

images credit : https://twitter.com/

images credit : https://www.liputan6.com/

images credit : https://11contro11.it/

images credit : https://www.pianetamilan.it/

images credit : https://www.bola.com/

images credit : https://www.fourfourtwo.com/