เดิร์ก เคาท์ หนึ่งในนักเตะชาวฮอลแลนด์ ที่นักเตะในรุ่นเดียวกันยังซูฮกถึงเรื่องความขยัน

เดิร์ก เคาท์ หนึ่งในนักเตะชาวฮอลแลนด์ที่มาโด่งดังยังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จนได้รับฉายาว่า “มิสเตอร์ดูราเซลล์” จอมขยันที่ไม่มีวันหมดแรง โดย เคาท์ เกิดที่เมืองแห่งชายทะเลคือเมืองคัตไวก์อานซี ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 1980 เขาเล่นได้ทั้งในตำแหน่งกองหน้าปีก และ แบ็กซ้ายยามจำเป็น ถือเป็นแข้งสาระพัดประโยชน์

เดิร์ก เคาท์ ครอบครัวของเขาเป็นชาวประมง แต่ตอนเด็กยามว่าง เขาเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆเพราะเป็นกีฬาที่ชื่นชอบมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนประมาณ 12 ขวบ คูณพ่อของเขาสนับสนุนให้ลูกไปเป็นนักฟุตบอลมากกว่าที่จะให้เป็นชาวประมง เพราะไม่อยากให้ลูกต้องลำบาก จึงแนะนำให้ เคาท์ เข้าไปอยู่ในเส้นทางฟุตบอลอย่างจริงๆจังๆ

สโมสรแรกของ เดิร์ก เคาท์ คือสโมสร ควิก บอยส์ ทีมเล็กๆในถิ่นบ้านเกิด เล่นมาเรื่อยๆจนอายุ 17 ปี ฝีเท้าของเขาไปเตะตาแมวมองของทีม อูเทร็คท์ หนึ่งในทีมจากลีกสูงสุดของ เอเรอดีวีซี ฮอลแลนด์ และนั่นคือจุดเริ่มต้นในฐานะฟุตบอลอาชีพของ เดิร์ก เคาท์ โดยเขาลงในเกมอุ่นเครื่องให้กับ อูเทร็คท์ ในช่วงปิดฤดูกาล และด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมหลังเปิดฤดูกาลใหม่ เดิร์ก เคาท์ ถูกเลือกให้เป็นตัวหลักของทีม และแน่นอนว่าฝีเท้าของเขาไม่ทำให้สโมสรผิดหวัง

เขาทำประตูให้กับ อูเทร็คท์ ในฤดูกาลแรกที่เข้ามา โดยยิงไป 6 ประตูกับตำแหน่งปีกซ้าย แม้จะไม่ได้ยิงประตูอย่างมากมายก่ายกองแต่เขาก็มีฟอร์มที่คงเส้นคงวากับทีมอยู่เสมอ ด้วยความทุ่มเททำให้ฝีเท้าของ เดิร์ก เคาท์ มีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกุนซือของ อูเทร็คท์ ขยับให้ เคาท์ ไปเล่นกองหน้าอย่างเต็มตัว และในปี 2003 เขายิงประตูให้กับ อูเทร็คท์ ไปถึง 23 ประตู เป็นปีแรกที่เขายิงประตูมากกว่า 20 ลูกตั้งแต่เริ่มค้าแข้งมา




และด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมนี้เองทำให้ เดิร์ก เคาท์ ถูกสโมสรยักษ์ใหญ่ของลีกอย่าง เฟเยร์นูร์ด ซื้อตัวไปร่วมทีม และแม้เขาจะเปลี่ยนสีเสื้อแต่ฟอร์มก็ยังแจ่มคงเดิม ฤดูกาลแรกกับ เฟเยร์นูร์ด ต้นสังกัดใหม่เขาซัดไปถึง 24 ประตู และต่อมาในฤดูกาลที่สองเขาทำไป 29 ประตูจนครองดาวซัลโวสูงสุดของลีก ในฤดูกาลที่ 3 ยิงไปอีก 22 ประตู จนในที่สุดการได้โยกย้ายทีมสู่ใหญ่ของเวทียุโรปก็เริ่มขึ้น

 

หงส์แดง ลิเวอร์พูล ตัดสินใจซื้อ เดิร์ก เคาท์ ในราคา 9 ล้านปอนด์ ต่อจาก เฟเยร์นูร์ด ในปี 2006 ด้วยการยิงประตูอย่างถล่มทลายใน เอเรอดีวีซี เขาถูกทั้งสโมสรและแฟนบอลคาดหวังเป็นอย่างมากที่จะทำให้ ลิเวอร์พูล กลับขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง ในซีซั่นแรกของเขากับ ลิเวอร์พูล ทำไปได้ 14 ประตู และพาทีมคว้ารองแชมป์รายการ แชมเปี้ยนส์ลีก ที่แพ้ต่อ เอซี มิลาน

ในซีซั่นถัดมา กุนซือ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือของทีมในขณะนั้นได้โยกเขาลงไปเล่นในตำแหน่งปีกขวาบ่อยครั้ง และนั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาผลงานและชื่อเสียงค่อยๆเงียบหายลงไปเรื่อยๆ จากนักเตะดาวเด่นที่ยิงเกิน 10 ประตูมาโดยตลอดกลายเป็นนักเตะระดับกลางของทีมที่ยิงไม่ถึง 10 ประตู

ใน 6 ปีที่โลดแล่นกับหงส์แดง เขายิงได้เพียง 71 ประตู ค่าเฉลี่ยยังน้อยกว่าที่เขาอยู่กับ เฟเยร์นูร์ด เพราะที่นั่น เพียงแค่สามปีเขาทำไปถึง 83 ประตูแล้ว แต่ด้วยความขยันและจริงจังกับทีมอยู่เสมอเมื่อลงสนาม คอยกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมสู้สุดใจ เหตุผลนั้นเองที่ทำให้ทั้งเพื่อนในทีมและกุนซือถึงรักในตัวเขา และมอบโอกาสให้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง

ต่อมาในปี 2011-12 เดิร์ก เคาท์ เริ่มได้มีบทบาทในกองหน้าน้อยลง หลัง หลุย ซัวเรซ เข้ามาอยู่กับทีม แต่ เดิร์ก เคาท์ ก็ไม่เคยปริปากบ่นและพร้อมลงช่วยทีมในตำแหน่งใดก็ได้ ขอแค่ได้ลงสนามเป็นพอ หลังจากหมดสัญญากับสโมสร เดิร์ก เคาท์ ตัดสินใจกลับไปค้าแข้งยัง แดนไก่งวงกับ เฟเนร์บาห์เช่ 3 ฤดูกาล ก่อนจะกลับไปยัง เฟเยร์นูร์ด ทีมสร้างชื่อให้เขาอีกครั้ง ในปี 2015-17 และสามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของ เนเธอร์แลนด์ได้อย่างยิ่งใหญ่ ถือเป็นแชมป์ในรอบ 18 ปีที่รอคอยของ เฟเยร์นูร์ด อีกด้วย หลังจากนั้น เดิร์ก เคาท์ ประกาศแขวนสตั๊ดหลังจากคว้าแชมป์ลีกได้สามวัน ยุติบาทบาทการค้าแข้งไว้ตรงนี้




ในสีเสื้อเนเธอร์แลนด์ เดิร์ก เคาท์ ช่วยทีมกังหันสีส้ม เป็นเวลาถึง 10 ปีเต็ม ตั้งแต่ปี 2004-2024 ลงในระดับทีมชาติไป 104 นัด ทำไป 24 ประตู ผลงานที่น่าสนใจที่สุดของเขาคือช่วยทีมชาติคว้าอันดับรองแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 และ อันดับสามในปี 2014 และนี้คือชีวะประวัติคร่าวๆของนักเตะชาวเนเธอร์แลนด์ ที่ใครหลายคนซูฮกถึงเรื่องความขยัน ทั้งในทีมชาติและสโมสร

เกียรติประวัติ
อูเทร็คท์
แชมป์ ลีกคัพ เนเธอร์แลนด์: 2002–03
ลิเวอร์พูล
ลีกคัพ: 2011–12
รองแชมป์เอฟเอคัพ: 2011-12
รองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2549–07
เฟเนร์บาห์เช่
ซุปเปอร์ ลีก: 2013–14
ตุรกี คัพ: 2012–13
ตุรกี ซูเปอร์คัพ: 2014
เฟเยร์นูร์ด
เอเรดิวิซี: 2016–17
เคเอ็นวีบี คัพ: 2015–16
ทีมชาติ
รองชนะเลิศฟุตบอลโลก: 2010 อันดับสาม: 2014

credit : https://www.sportskeeda.com/

images credit : https://www.marca.com/

images credit : https://www.elfvoetbal.nl/

images credit : https://sportnieuws.nl/

images credit : https://thefootballcomrade.wordpress.com/2015/08/26/8/

images credit : https://www.transfermarkt.nl/

images credit : https://www.planetfootball.com/

images credit : https://www.thisisanfield.com/

images credit : https://www.ad.nl/