ตำนานกองกลางฮอลแลนด์ ฉายา เดอะ พิทบลู ที่กูรูหลายแขนงต่างยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่า นักเตะที่ดีที่สุดของกังหันสีส้ม

เอ็ดการ์ ดาวิดส์ เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนักฟุตบอลอาชีพชาวฮอลแลนด์ เขาเกิดใน ซูรินาเม เขาเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะอดีตกองกลางของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าและการเล่นที่เหนียวแน่นทำให้เขาเป็นกำลังสำคัญในฟุตบอลโลกมาหลายปี บทละครของเขาทำให้เขาเป็นที่รู้จักในนาม “เดอะ พิทบลู”


เอ็ดการ์ เกิดวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 1973 หลังจากเริ่มต้นอาชีพของเขากับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เขาก็ย้ายเล่นให้ เอซี มิลาน, ยูเวนตุส, บาร์เซโลน่า, อินเตอร์ มิลาน และ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ก่อนที่จะกลับไปยัง อาแจ็กซ์ สองปีหลังจากออกจากการแข่งขันฟุตบอล ดาวิดส์ได้เซ็นสัญญาให้กับสโมสรฟุตบอล คริสตัล พาเลซ ในปี 2010

ดาวิดส์ เป็นโรคต้อหิน ซึ่งจะต้องให้เขาสวมแว่นตาป้องกันในระหว่างการแข่งขันฟุตบอล ทรงผมเดรดล็อกส์และตาของเขาที่สวมแว่นป้องกันไว้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทำให้ ดาวิดส์ เป็นนักฟุตบอลที่รู้จักกันมากที่สุดในยุคของเขา ดาวิดส์ เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับเลือกโดย เปเล่ ให้เป็นหนึ่งใน 100 รายชื่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกฟุตบอล


ดาวิดส์ เริ่มต้นอาชีพของเขาที่อาแจ็กซ์ ในปี 1991 การเปิดตัวครั้งแรกของเขาพาทีมชนะในบ้าน เหนือ แอร์กาเซ วาลไวก์ 5-1 เขาช่วยให้ อาแจ็กซ์ ได้แชมป์ เอเรอดิวิซี ลีกสูงสุดในประเทศถึง 3 ครั้ง


รวมทั้งความสำเร็จในระดับทวีปยุโรปกับยูฟ่าคัพ 1992 และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1995 ในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศ ปี 1996 เขายิงจุดโทษไม่เข้าในครั้งนั้น อาแจ็กซ์ ซึ่งในที่สุดพวกเขาก็แพ้ให้กับยูเวนตุส เขาได้รับฉายาว่า “พิตบูล” จากผู้จัดการทีม หลุยส์ ฟาล กัล ที่คุมบังเหียนทีมอาแจ็กซ์ในขณะนั้น เนื่องจากสไตล์การเล่นของเขาดุดันในตำแหน่งกองกลาง

ในช่วงฤดูกาล 1996-97 ดาวิดส์ ย้ายไปประเทศอิตาลีเพื่อไปเล่นกับสโมสร เอซี มิลาน แต่ในฤดูกาลแรกยังไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เท่าที่ควร เขาย้ายต่อไปยัง ยูเวนตุส ซึ่งเป็นคู่แข่งร่วมลีก ในเดือนธันวาคม 1997 ด้วยค่าตัว 5.3 ล้านปอนด์


และเขาเริ่มปรับตัวในทัพม้าลายได้ และประสบความสำเร็จอย่างมากที่นี่ หกปีที่ประสบความสำเร็จในตูริน โดย ดาวิดส์ ช่วยให้ ยูเวนตุส ได้แชมป์เซเรียอา ในปี 1998 2002 และ 2003

วันที่17 พฤษภาคม 2001 ดาวิดส์ ถูกแบนโดยฟีฟ่า เมื่อเขาถูกสุ่มตรวจสารต้องห้ามในเลือด อนาบอลิค สเตียรอยด์ และ นันโดรโลน โดยที่เขาได้รับการตรวจเลือดถึง 2 ครั้ง เพื่อยืนยันผล จนสุดท้ายเขาก็ไม่อาจหนีความจริงที่เขาก่อขึ้นได้ ผลการตัดสิน เขาถูกตัดสินว่าผิดจริงในข้อหาข้องเกี่ยวกัยการใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ ซึ่งถือว่าผิดกฎร้ายแรงของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ


เขาถูกตัดสินให้ถูกแบนและห้ามลงสนามเป็นเวลาถึง 2 ปี ก่อนที่เขาจะตัดสินใจสู้คดีและอุทธรณ์ จนเหลือโทษแบนแค่เพียง 4 เดือนได้สำเร็จ แต่เวลาไม่นานเพียงแค่ 4 เดือนนั้น มันก็ทำให้กราฟชีวิตนักฟุตบอลที่กำลังพุ่งทะยานของเขา ดำดิ่งลงแบบไม่สามารถมาสู่จุดเดิมได้สำเร็จอีกครั้ง

แม้ว่าหลังจากที่เขาพ้นโทษมาแล้ว เขาจะได้เข้าไปร่วมทีมยักษ์ใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า ในแบบยืมตัวจาก ยูเวนตุส แต่ฟอร์มที่เคยเหนือชั้นของเขา ก็ไม่อาจกลับมาเหมือนเก่าได้ สุดท้าย เอ็ดการ์ ดาวิดส์ ก็ไม่อาจทวงบัลลังก์การเป็นยอดมิดฟิลด์ตัวรับของโลกกลับคืนมาได้ และในปี 2014 เขาก็จบชีวิตการค้าแข้งและแขวนสตั๊ดไปกับทีม บาร์เน็ต ทีมเล็กๆในกรุงลอนดอนในที่สุด

เกียรติประวัติ
อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม
-แชมป์ เอเรอดีวีซี 1993–94, 1994–95, 1995–96
-แชมป์ ลีก คัพ 1992–93, 2006–07
-ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก 1994–95
-ยูฟ่า คัพ 1991–92
-ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1995
-อินเตอร์ คอนติเนเที่ยล 1995
ยูเวนตุส
กัลโช่ เซเรีย อา 1997–98, 2001–02, 2002–03
ซูปเปอร์ โคปา อิตาเลีย 2002, 2003
อินเตอร์ มิลาน
โคปา อิตาเลีย 2004–05
ระดับทีมชาติ
อันดับที่ 4 ฟุตบอลโลก ปี 1998

credit : https://colgadosporelfutbol.com/

images credit : https://colgadosporelfutbol.com/

images credit : https://www.pinterest.com/pin/555913147731134900/

images credit : https://ultrautd.com/edgar-davids-the-great-ego-that-came-to-spurs/