ตำนานกองหน้าร่างยักษ์ ที่เคยค้าแข้งอยู่กับทั้งเลสเตอร์ และ ลิเวอร์พูล ที่ถูกยกย่องว่าร่างใหญ่แต่ความเร็วใช่เล่น

เอมิล เฮสกีย์ สำหรับบรรดาแฟนบอลของ เลสเตอร์ ซิตี้ รุ่นหลังๆ หนึ่งในขวัญใจของพวกเขาคงหนีไม่พ้นกองหน้าร่างยักษ์แต่กลับคล่องแคล่วเหลือเชื่ออย่าง เอมิล เฮสกีย์ ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงเขา ที่เป็นหนึ่งในแข้งอังกฤษที่โด่งดังมากที่สุดคนหนึ่งในยุคของเขา

เฮสกีย์ เกิดเมื่อวันที่ 11 มกราคม 1978 ที่เมืองเลสเตอร์, ประเทศอังกฤษ ส่วนสูง 188 เซนติเมตร ตำแหน่ง กองหน้า เฮสกีย์ เกิดและเติบโตใน เลสเตอร์ โดยฉายแววเด่นในเชิงลูกหนังตั้งแต่เด็กๆ ก่อนเล่นให้ แรตบี้ โกรบี้ จูเนียร์ส สโมสรเยาวชนระดับท้องถิ่น ตามด้วยการเข้าสู่อะคาเดมี่ของ “เดอะ ฟ็อกซ์ส” เลสเตอร์ตั้งแต่วัย 9 ขวบ

จากนั้น เฮสกีย์ พัฒนาผีเท้าขึ้นมาตามลำดับก่อนไต่เต้าขึ้นมาประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ด้วยวัย 17 ปี ในช่วงท้ายฤดูกาล 1994-95 ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว เลสเตอร์ มีอันต้องกระเด็นตกชั้นกลับไปเล่นใน ดิวิชั่น 1 ที่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น เดอะ แชมเปี้ยนชิพ

เข้าสู่ฤดูกาล 1995-96 เฮสกีย์ ซึ่งเพิ่งเซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกในอาชีพนักเตะของตัวเอง กลายเป็นตัวหลักของ เลสเตอร์ ซิตี้ หลังลงเล่นไปทั้งสิ้น 30 นัด ทำได้ 7 ประตู รวมถึงประตูแรกในฐานะนักเตะอาชีพ และช่วยให้ต้นสังกัดเลื่อนชั้นกลับไปเล่นใน พรีเมียร์ลีก ได้อีกครั้ง

ในฤดูกาลแรกแบบเต็มตัวบนลีกสูงสุด เจ้าของชื่อเล่น บรูโน่ จากเหตุที่มีรูปร่างและหน้าตาคล้ายคลึง แฟรงค์-บรูโน่ ตำนานนักชกอาชีพชาวอังกฤษ ในปีนั้นเขายิงไป 10 ประตูจาก 35 นัดใน พรีเมียร์ลีก

แม้ในซีซั่น 1998-99 เขาฟอร์มดร็อปลงไปอย่างหนักทำเพียง 6 ประตูในลีก และโดนวิจารณ์เรื่องการยิงประตูน้อยเกินไปล้มง่ายเกินไป แต่ เฮลกีย์ ทำผลงานอย่างเข้าขารู้ใจกับหัวหอกรุ่นพี่อย่าง โทนี่ ค็อตตี้ ซึ่ง มาร์ติน โอนีล ผู้จัดการทีมเลสเตอร์ในตอนนั้นยกให้เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้พวกเขารอดตกชั้นได้สำเร็จ

ในซีซั่น 1999-2000 อันเป็นปีสุดท้ายของ เฮสกีย์ ในสีเสื้อ เลสเตอร์ ซิตี้ เขาทำประตูไปเพียง 7 ประตูในลีก แต่เขาเป็นหนึ่งในตัวหลักที่ช่วยให้ต้นสังกัดคว้าแชมป์ ลีก คัพเป็นสมัยที่ 3 ของสโมสร

หลังจาก เฮสกีย์ หมดสัญญากับ เลสเตอร์ เขาย้ายมาสู่ทีมที่ใหญ่กว่าอย่าง ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์ อันเป็นสถิติสูงสุดของสโมสร เลสเตอร์ที่ขายนักเตะได้รับจำนวนเงินสูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา

ตลอดระยะเวลา 4 ฤดูกาลใน แอนฟิลด์ เฮลกีย์ นำต้นสังกัดคว้าแชมป์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และยูฟ่า คัพ ก่อนต้องโบกมือหลังการย้ายเข้ามาของ มิลาน บารอส

การเข้ามาของ มิลาน บารอส ในเดือนมกราคม 2002 ทำให้ เฮสกีย์ เจอการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น เขาถูกจับไปเล่นเป็นปีกอยู่บ่อยครั้งในฤดูกาล 2002-03 บวกกับอาการบาดเจ็บรบกวนทำให้เขาได้เพียง 9 ประตูจาก 52 นัด ในฤดูกาลสุดท้ายของเขากับสีเสื้อหงส์แดงเขาทำได้ 12 ประตูจากจำนวนเกมที่น้อยกว่าซีซั่นก่อน 5 นัด

หลังจากนั้น ชีวิตค้าแข้งของ เฮสกีย์ เริ่มดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ ระหกระเหินไปร่วมทัพทั้ง เบอร์มิงแฮม ซิตี้, วีแกน แอธเลติก และแอสตัน วิลล่า ก่อนเลือกเดินทางไปหาความท้าทายในลีก ออสเตรเลียกับ นิวคาสเซิ่ล เจ็ตส์ แล้วกลับสู่อังกฤษอีกครั้งโดยการเซ็นสัญญาอยู่กับทีม โบลตัน วันเดอเรอส์ และที่นี้เป็นสโมสรค้าแข้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะแขวนสตั๊ดไปในปี 2016

ในสีเสื้อทีมชาติอังกฤษ เฮสกีย์ มีส่วนร่วมกับทีมชาติตั้งแต่รุ่น ยู-16 ก่อนประเดิมสนามในทีมชุดใหญ่ในวัย 20 ปี โดยได้สัมผัสทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่าง ฟุตบอลโลก 2002, ยูโร 2004 และ ฟุตบอลโลก 2010 ก่อนประกาศแขวนสตั๊ดในระดับทีมชาติทุกรายการด้วยผลงาน 7 ประตูจาก 62 นัดตลอดระยะเวลา 11 ปี

เกียรติประวัติ
เลสเตอร์ ซิตี้
ฟุตบอลลีกดิวิชันแรกเพลย์-ออฟส์ : 1995–96
แชมป์ ฟุตบอลลีกคัพ : 1996–97, 1999–2000
ลิเวอร์พูล
แชมป์ เอฟเอคัพ : 2000–01
แชมป์ ฟุตบอลลีกคัพ : 2000–01, 2002–03
แชมป์ เอฟเอ แชร์ริตี้ชิลด์ : 2001
แชมป์ ยูโรป้า ลีก : 2000–01
แชมป์ ยูฟ่าซูเปอร์คัพ : 2001
แอสตัน วิลล่า
เข้าชิงเอฟเอคัพ : 2009-10
ส่วนตัว
นักเตะยอดเยี่ยมของทีม เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ : 2004-05

credit : https://www.lfchistory.net/

images credit : https://www.thesun.co.uk/

images credit : https://www.leicestermercury.co.uk/

images credit : https://www.skysports.com/

images credit : https://www.premierleague.com/

images credit : https://www.mirror.co.uk/

images credit : https://www.thisisanfield.com/

images credit : https://www.express.co.uk/

images credit : https://www.efl.com/