หนึ่งในตำนานนักเตะของ แมนฯซิตี้ ที่รวมผลงานสุดสะเด่า พาทีมคว้าถ้วยแชมป์ 12 ใบ

เฟอร์นันดินโญ่ มีชื่อเต็มว่า เฟร์นันดู ลุยซ์ โรซา เกิดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 1985 เริ่มเล่นฟุตบอลในสายอาชีพเป็นครั้งแรกร่วมกับ อัตเลตีกูพารานาเอนเซ ในปี 2002-2005 โดยอยู่ร่วมเล่นให้กับทีมเป็นเวลา 3 ปี โดยลงเล่นให้กับทีมมากกว่า 72 นัด ยิงไป 14 ประตู

ต่อมาในปี 2005-2013 เป็นเวลาอีก 8 ปี ได้เข้าร่วมค้าแข้งกับทีม ชัคตาร์โดเนตสค์ โดยเป็นสโมสรชื่อดังใน ยูเครน ร่วมเล่นให้กับทีมมากกว่า 184 ครั้ง หลังจากนั้นได้ย้ายมาร่วมค้าแข้งในศึกพรีเมียร์ลังกฤษ ซึ่งเป็นลีกสูงสุดของอังกฤษ ในปี 2013 ซึ่งสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นสโมสรที่สร้างชื่อให้เขาอย่างมาก เขาเป็นนักเตะที่มีความสามารถและความเร็วที่สามารถยิงได้ในระยะไกลมีความแข็งแกร่ง พร้อมกับเป็นนักเตะที่มีทักษะในการเล่น การโจมตีด้วยทรงพลัง เป็นนักเตะอีกหนึ่งคนสำคัญที่ถูกเรียกใช้งานให้ลงสนามได้บ่อย เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่มีขุมกำลังเหลือเฟือและเน้นการชอบทำประตูให้กับทีม และมีบทบาทสำคัญในการสกัดกั้นเกมรุกจากคู่แข่งได้อย่างดี

แฟร์นานดินโญ ก้าวเข้ามาร่วมทัพ แมนเชสเตอร์ ซิตี เมื่อฤดูกาล 2013 ด้วยค่าตัวถึง 36 ล้านปอนด์ และคงไม่ต้องพูดถึงเรื่องฝีเท้า ของ แฟร์นานดินโญ ซึ่งการที่ เขาได้เข้ามาสวมยูนิฟอร์มของ “เรือใบสีฟ้า ” คงจะเป็นการการันตีแล้วว่า ตัวเขาเองจะเข้ามาเป็นตัวหลักภายในทีม นับตั้งแต่ย้ายเข้ามาร่วมทัพในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม

แฟร์นานดินโญ เป็นผู้เล่นที่ได้รับความไว้ใจจาก บอร์ดบริหารของ แมนเชสเตอร์ ซิตี เป็นอย่างมาก ซึ่งนับตั้งแต่ที่ แฟร์นานดินโญ ย้ายเข้ามาร่วมทัพ “ เรือใบสีฟ้า ” แฟร์นานดินโญ ก็ไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาว หรือพฤติกรรมที่เกเร เลยแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งบอร์ด “ เรือใบ ” ได้เอ่ยปากว่า “ พวกเราต้องการนักเตะแบบ แฟร์นานดินโญ เข้ามาร่วมทีมแทบจะทุกตำแหน่ง ”ซึ่งพวกเขาคงหมายถึงว่า แฟร์นานดินโญ เป็นนักเตะที่สารพัดประโยชน์และแก้ไขปัญหาในสนามได้เป็นอย่างดี รวมถึงพฤติกรรมอีกด้วย




จนกระทั่ง เป๊ป กวาร์ดิโอลา ผู้จัดการทีมสมองเพชร เข้ามาบัญชาเกมให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี ในปี 2016 แฟร์นานดินโญ ก็ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในดวงใจของ เป๊ป ทันที ซึ่งด้วยอายุที่มาก และตามมาด้วยประสบการณ์ที่เต็มเปี่ยม แฟร์นานดินโญ จึงได้รับความไว้ใจจาก เป๊ป เพื่อคอยสั่งงานให้กับน้อง ๆ ในสนาม และซึ่งดูเหมือนว่า จะเป็นตำแหน่งที่เหมาะสม เนื่องจากแฟร์นานดินโญ เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ เพื่อที่จะมองสถานการณ์ของทีม ได้ทั้งแผงหลัง และแผงหน้า

ถึงแม้ว่า แฟร์นานดินโญ จะไม่ใช่นักเตะที่มีลีลา แซมบา เหมือนกับแข้งดังทั่ว ๆ ไปที่ย้ายเข้ามาเล่นใน พรีเมียร์ลีก แต่สำหรับฤดูกาลที่ผ่านมา แฟร์นานดินโญ ทำผลงานได้โดดเด่น เหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก หลังจากที่ แฟร์นานดินโญ รับหน้าที่เป็นเซ็นเตอร์แบ็ค ในการแก้ไขปัญหาหลังบ้าน ให้กับ “ เรือใบสีฟ้า ” เนื่องจากตอนนั้น แอมริก ลาปอร์ต กองหลังตัวหลัก ได้รับอาการบาดเจ็บ แฟร์นานดินโญ จึงรับหน้าที่ ลงไปยืนเป็น เซ็นเตอร์แบ็ค จนจบฤดูกาล

หลังจากที่ แฟร์นานดินโญ ลงไปเล่นตำแหน่ง เซนเตอร์แบ็ก ชั่วคราว สิ่งที่เปลี่ยนแปลงขึ้นมาอย่างทันที นั่นก็คือ แผงหลังของ แมนเชสเตอร์ ซิตี พวกเขาเสียประตูน้อยลง ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ในช่วงที่ ลาปอร์ต ได้รับอาการบาดเจ็บ และ เป๊ป ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ และถึงแม้ “ เรือใบสีฟ้า ” พวกเขาจะยิงประตูได้มากขนาดไหน แต่สำหรับการเสียประตูของพวกเขา ก็เยอะพอสมควร แต่หลังจากที่ แฟร์นานดินโญ ลงไปรับตำแหน่ง เซ็นเตอร์แบ็ค ชั่วคราว แผงหลังของ แมน ฯ ซิตี้ ก็ดูแน่นขึ้นมาทันที นั่นคือการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดว่า แฟร์นานดินโญ สามารถยืนระยะให้กับ “ เรือใบสีฟ้า ” ได้ดีในแนวรับ

สำหรับ แฟร์นันดินโญ อยู่กับ แมนฯ ซิตี้ มานาน 9 ปี หลังย้ายจาก ชัคห์ตาร์ โดเนตสค์ เมื่อปี 2013 ซึ่งตอนนี้ลงเล่นไปแล้ว 373 นัดรวมทุกรายการ ทำได้ 25 ประตู คว้าถ้วยแชมป์ 12 ใบ ประกอบด้วย พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีกคัพ 6 สมัย, คอมมิวนิตี ชิลด์ 1 สมัย และเกือบได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เมื่อซีซั่นที่แล้ว แต่พลาดท่าแพ้ เชลซี 0-1 ในรอบชิงชนะเลิศ

แฟร์นานดินโญ เป็นนักแตะที่ได้รับเลือกให้ติดทีมชาติบราซิลเป็นครั้งแรกในปี 2011 เป็นนักเตะที่มีทักษะในการเล่นฟุตบอลอย่างมากอีกทั้งมีความเร็วในการเล่นและการบุกสวนกลับได้ไว ดาวเตะจอมเก๋าถูกโจมตีด้วยคำเหยียดอย่างรุนแรง หลังจากทำเข้าประตูตัวเองในเกมแพ้เบลเยียม 1-2 ส่งผลให้บราซิลต้องจอดป้ายแค่รอบก่อนรองชนะเลิศศึกฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งเวลาต่อมาเจ้าตัวก็ไม่ได้หวนติดธงอีกเลย




ปัจจุบัน แฟร์นานดินโญ ตัดสินใจเลือกกลับประเทศบราซิล ภูมิลำเนาบ้านเกิด ด้วยการเซ็นสัญญาคัมแบ็ก ย้ายไปอยู่กับ แอตเลติโก พาราเนนเซ่ หลังจากหมดสัญญากับ เรือใบสีฟ้า เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา

เกียรติประวัติ
ชัคตาร์ โดเนตส์ค
ยูเครน พรีเมียร์ลีก: 2005–06, 2007–08, 2009–10, 2010–11, 2011–12, 2012–13
ยูเครนคัพ: 2007–08, 2010–11, 2011–12, 2012–13
ยูเครน ซูเปอร์ คัพ: 2008, 2012
ยูฟ่าคัพ: 2008–09
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
พรีเมียร์ลีก: 2013–14, 2017–18, 2018–19, 2020–21, 2021–22
เอฟเอคัพ: 2018–19
ฟุตบอลลีก/อีเอฟแอลคัพ : 2013–14, 2015–16, 2017–18, 2018–19, 2019–20, 2020–21
เอฟเอ คอมมูนิตีชีลด์: 2018
รองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2020–21
ทีมชาติ บราซิล
โคปา อเมริกา : 2019

images credit : https://tribunapr.uol.com.br/

images credit : https://www.sportskeeda.com/

images credit : https://www.manchestereveningnews.co.uk/

images credit : https://www.independent.co.uk/

images credit : https://www.football365.com/

images credit : https://www.dailymail.co.uk/

images credit : https://www.bbc.com/

images credit : https://www.theguardian.com/

images credit : https://ge.globo.com/

images credit : https://www.sportsmole.co.uk/