สุดยอดตำนานหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของ อาร์เจนติน่าอีกราย เขาชื่อว่า “กาเบรียล บาติสตูต้า”

กาเบรียล บาติสตูต้า อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังโลกชาวอาร์เจนติน่า ใครที่เป็นแฟนบอลในยุคก่อนต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเขาคนนี้ได้ฉายา “แข้งตีนระเบิด” หรือฝรั่งเรียก “บาติโกล์” หากได้กดในกรอบมากกว่า 80% มักจะเป็นประตู จึงได้รับฉายานี้มานั่นเอง

กาเบรียล บาติสตูต้า มีชื่อจริงว่า กาเบรียล โอมาร์ บาติสตูต้า เกิดที่ ซานตาเฟ่, อาร์เจนติน่า ตำแหน่ง กองหน้าตัวเป้า ในสมัยเด็กๆ บาติสตูต้า มีพรสวรรค์ในด้านกีฬาเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากเป็นเด็กที่ตัวสูงเค้าจึงหันมาเล่นบาสเก็ตบอลเป็นกีฬาลำดับแรกๆ

และคิดจะเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลอย่างเต็มตัว แต่เมื่อ อาร์เจนติน่า ก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์โลกเมื่อปี 1978 มันเริ่มทำให้เค้าเริ่มคิดจะมาเล่นฟุตบอลแบบจริงจังเพราะความอยากดังและหนีจากความจน หลังจากได้เห็นการเล่นของ มาริโอ คัมเปส มันทำให้เค้าอยากเป็นแบบนั้นบ้าง

หลังจากนั้นเค้าก็เริ่มเล่นฟุตบอล ซึ่งก็เหมือนๆกับนักฟุตบอลทั่วไป เพราะความที่ยากจน ทำให้เค้าต้องเล่นฟุตบอลตามข้างถนนกับเพื่อนๆและเค้าก็ได้เป็นนักเตะในสโมสรเล็กๆสโมสรท้องถิ่นสมใจ ก่อนที่เค้าจะถูกแมวมองของทีม นีเวลล์ โอลด์ บอยส์ หนึ่งในทีมดังของอาร์เจนติน่า ชักชวนให้ไปทดสอบฝีเท้าและก็ผ่านการคัดเลือกก่อนถูกจับเซ็นต์สัญญาในปี 1988

หลังจากที่ บาติสตูต้า เซ็นต์สัญญากับทีม นีเวลล์ โอลด์ บอยส์ ในยุคที่มี มาร์เซโล บิเอลซ่า เป็นผู้จัดการทีม, มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ บาติสตูต้า จะปรับตัวกับทีมใหญ่เมื่ออยู่ใหม่ และดูเหมือนเค้าจะไม่ค่อยมีความสุขมากนัก เมื่อต้องจากบ้าน จากครอบครัวมาอยู่เพียงลำพัง

บ่อยครั้งเค้าต้องนอนที่สนามฟุตบอลและด้วยการปรับเข้าหาทีมไม่ได้ก่อนที่จะโดนสโมสรปล่อยตัวให้ทีมเล็กๆอย่าง เดปอร์ติโว อิตาเลียโน่ ทีมจากเมือง บัวโนส ไอเรส ยืมตัวไปใช้งาน ซึ่ง บาติสตูต้า ทำได้ 3 ประตูเท่านั้น

กลางปี 1989 บาติสตูต้า ย้ายไปร่วมทีม ริเวอร์เพลท ยักษ์ใหญ่ในวงการฟุตบอล อาร์เจนติน่า ที่ถูกพบจากแมวมองโดยเค้าทำได้ถึง 17 ประตูในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก แต่ก็ใช่ว่าสถานการณ์ของเค้าจะดีตลอดรอดฝั่งนัก

เมื่อต่อมาเค้ามีปัญหากับโค้ชอย่าง ดาเนียล พาสซาเรลล่า ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นจอมเฮี้ยบคนหนึ่ง ทำให้ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง บาติสตูต้า ถูดร็อปเป็นสำรองซะเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่ พาสเซเรลล่า จะเดินไปบอกกับสโมสรว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่มีจุดเด่นอะไรเลย ก่อนที่ ริเวอร์เพลท จะขาย บาติสตูต้า ไปให้กับทีมคู่กัดตลอดกาลอย่าง โบคา จูเนียร์


ในปี 1990 บาติสตูต้าย้ายไปร่วมทีม โบคา จูเนียร์ หลังจากกลายเป็นส่วนเกินใน ริเวอร์เพลท โดยกับสโมสรแห่งนี้เป็น ออสการ์ ตาบาเรซ กุนซือที่ดึงเอาความสามารถของ บาติสตูต้า ออกมาได้อย่างเต็มที่

โดยในฤดูกาลนั้น บาติสตูต้า ได้เป็นดาวซัลโวของลีกและพา โบคา จูเนียร์ คว้าแชมป์ลีกมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือในฤดูกาลนั้น โบคา จูเนียร์ สามารถเอาชนะริเวอร์เพลทต้นสังกัดเดิมได้ทั้ง 4 นัดรวมทุกรายการที่เจอกันอีกด้วย ! ถือเป็นความสะใจเล็กๆของเขา

ในปี 1991 บาติสตูต้า ถูกเรียกติดทีมชาติครั้งแรกในรายการ โคปา อเมริกา ที่จัดขึ้นที่ประเทศ ชิลี ซึ่ง บาติสตูต้า เป็นหนึ่งในแข้งคนสำคัญของทีมที่พาอาร์เจนติน่า คว้าแชมป์มาครองได้ และเค้าก็ยังเป็นดาวซัลโวสูงสุดอีกด้วยเมื่อยิงไปทั้งสิ้น 6 ประตูในทัวร์นาเม้นนั้น

ต่อมาประธานสโมสร ฟิออเรนติน่า จะจับบาติสตูต้าเซ็นสัญญาย้ายจากลีก อาร์เจนติน่า มาเล่นใน อิตาลี ซึ่งที่ ฟลอเรนซ์นี่เองที่ทำให้ชื่อของ “บาติโกล์” โด่งดังไปทั่วโลก

และแม้ในปี 1993 ฟิออเรนติน่า จะโดนลดชั้นไปอยู่ในเซเรีย บี แต่ บาติสตูต้า ก็ไม่ได้คิดตีจากทีมเพื่อเอาตัวรอดแต่อย่างใดแม้จะถูกสโมสรทั้งในและนอกประเทศพยายามซื้อตัวเค้าไปร่วมทีม แต่ ฟิออเรนติน่า ก็ใช้เวลาไม่นานใน เซเรีย บี ก่อนที่กลับมาเล่นในเซเรีย อาอีกครั้ง ซึ่ง บาติสตูต้ายิงได้ 16 ประตูในฤดูกาลนั้น โดยมี “เคลาดิโอ รานิเอรี” เป็นผู้จัดการทีม ฟิออเรนติน่า สมัยนั้นอีกด้วย

ในปี 1994 ในรายการฟุตบอลโลก ที่จัดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา อาร์เจนติน่าไปได้ไกลที่สุดเพียงรอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อพวกเค้าพ่ายให้กับ โรมาเนีย ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากกรณีของ ดีเอโก้ มาราโดน่า ที่ถูกแบนเนื่องจากตรวจพบว่าใช้สารกระตุ้น โดยในทัวร์นาเมนต์นั้น บาติสตูต้า ทำได้ 4 ประตู โดยเค้ายังสามารถแฮตทริกได้ในเกมที่พบกับ กรีซ ในรอบแรกอีกด้วย

หลังจากทำผลงานได้ดีในฟุตบอลโลก 1994, ในฤดูกาล 1994/95 บาติสตูต้า ก็ยังคงร้อนแรงไม่หยุดเมื่อจบฤดูกาลเค้าได้รับตำแหน่งดาวซัลโวของลีกเมื่อยิงไปถึง 26 ประตู โดยใน 11 เกมแรกของฤดูกาลนั้น บาติสตูต้า ยิงประตูได้ทุกเกมอีกด้วย และในฤดูกาล 1995/96 ฟิออเรนติน่า ยังสามารถคว้าได้ทั้งแชมป์ในรายการ โคปปา อิตาเลีย และซุปเปอร์ โคปปา มาครองได้อย่างสวยสดงดงามอีกด้วย

ในช่วงรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 1998 บาติสตูต้าไม่ค่อยได้ถูกรียกติดทีมชาติมากนัก เพราะกุนซือทีมชาติอย่าง ดาเนียล พาสซาเรลล่า ไม่ชอบนักเตะผมยาวโดยสั่งให้ บาติสตูต้า ไปตัดผมแต่เขาไม่ยอม จึงเกิดการบาดหมางและแทบจะไม่ถูกเรียกติดทีมชาติเลยในครั้งนั้น จนสุดท้ายด้วยใจรักที่จะเล่นให้ทีมชาติ บาติสตูต้า ยอมตัดผมสั้นเพื่อที่เขาจะกลับเข้ามารับใช้ทีมชาติอีกครั้ง

โดยฟุตบอลโลก 1998 ที่ ฝรั่งเศส บาติสตูต้า ทำได้ 5 ประตู โดยในเกมที่พบจาไมกา บาติสตูต้า สามารถทำแฮตทริกได้ ซึ่งถือว่าเป็นคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถทำแฮตทริกได้ 2 ครั้งในรายการฟุตบอลโลก

ด้วยผลงานที่โดดเด่นมาโดยตลอดในช่วงที่เล่นให้ฟิออเรนติน่าไม่น่าแปลกใจเลยที่ บาติสตูต้า จะมีข่าวในการย้ายทีมบ่อยครั้ง แต่เค้าก็ตัดสินใจที่จะอยู่กับ ฟิออเรนติน่า ต่อไป โดยสมัยนั้น เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดกุนซือ แมนฯยู เพียรพยายามที่จะดึงตัว บาติสตูต้า ให้มาเล่นที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ให้ได้หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ถูกเจ้าตัวปฏิเสธไป

และในฤดูกาล 1998/99 กับการที่ทีมมีผู้จัดการทีมที่ชื่อ “โจวานนี่ ตราปัตโตนี่” ก็คงไม่น่าแปลกใจที่ทีมจะกลับมาได้ลุ้นแชมป์เซเรีย อา อีกครั้ง หลังจากทีมทำผลงานได้ดีตั้งแต่เริ่มฤดูกาลและกำลังก้าวขึ้นไปลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว แต่ก็เกิดปัญหาเมื่อ บาติสตูต้า ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจนต้องพักรักษาตัวหลายเดือน ซึ่งเป็นผลทำให้ผลงานของทีม ฟิออเรนติน่า ก็ค่อยๆตกลงมา ก่อนที่จะจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 3 เท่านั้น

ฤดูกาล 1999/2000 บาติสตูต้า เล่นให้ ฟิออเรนติน่า เป็นฤดูกาลสุดท้าย ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีม เอเอส โรม่า ด้วยค่าตัว 30 ล้านยูโร โดยเขายิงประตูให้ เอเอส โรม่า ในฤดูกาลแรกถึง 20 ประตูด้วยกัน เมื่อจบฤดูกาล เอเอส โรม่า สามารถคว้าแชมป์เซเรีย อามาครองได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1983

หลังจากจบฟุตบอลโลก 2002 ก็ดูเหมือนฟอร์มการเล่นของ บาติสตูต้า ก็จะตกลงไปด้วยทำให้เค้าตกเป็นตัวสำรองใน เอเอส โรม่า ซะเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่เค้าจะย้ายไปเล่นให้ อินเตอร์ มิลาน ในสัญญายืมตัวช่วงหนึ่ง แต่ก็ทำผลงานได้ไม่ดีนัก ก่อนที่ท้ายที่สุดจะย้ายไปร่วมทีม อัล อราบิ สโมสรในกาตาร์ ในปี 2004ซึ่งเป็นสโมสรสุดท้ายของเค้า และจบชีวิตการค้าแข้งที่นั่น

เกียรติประวัติ
-เป็นนักฟุตบอลที่ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของฟิออเรนติน่า 168 ประตู
-เป็นนักฟุตบอลที่ทำประตูได้เป็นลำดับทีสองรอง จากลิโอเนล เมสซี่ ในนามทีมชาติอาร์เจนตินาเขาลงเล่นไป77 นัด ยิง 54 ประตู
-เป็นนักฟุตบอลคนแรกและคนเดียวตราบจนปัจจุบันนี้ที่ยิงแฮตทริกได้ถึง 2 ครั้งติดต่อกันในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2 สมัย โดยครั้งแรกในฟุตบอลโลก 1994 และฟุตบอลโลก 1998

credit : https://www.britannica.com/biography/Gabriel-Batistuta

images credit : https://futbolretro.es/batistuta/?lang=en

images credit : https://www.planetfootball.com/

images credit : https://twitter.com/90sfootball/status/974389787414024192

images credit : https://mundopelota.net/batistuta-messi-y-la-cantera-de-newells/

images credit : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/6/63/Batistuta_river_vs_independiente.jpg