ยอดนักเตะที่ยังมีลมหายใจของชาวเวลส์ แข้งที่ดีที่สุดของยุคจนถึงปัจจุบัน แกเร็ธ เบล

แกเร็ธ เบล หนึ่งในแข้งที่ดีที่สุดคนหนึ่งของวงกาลลูกหนัง สมัยเปรี้ยงปร้างที่สุดเป็นหนึ่งในนักเตะที่รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว แกเร็ธ เบล มีชื่อเต็มว่า แกเร็ธ แฟร้งค์ เบล 16 กรกฎาคม 1989 ที่เมืองคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์ ปัจจุบันเขาอายุ 33 ปี

แกเร็ธ เบล เริ่มต้นชีวิตในเส้นทางสายลูกหนัง จากการเป็นเยาวชนในอคาเดมี่ของ เซาแธมป์ตัน โดยได้ทำการเปิดตัว ลงสนามให้กับทีม “นักบุญ” เป็นครั้งแรกในปี 2006 ในศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ด้วยวัยเพียง 16 ปี แม้ตอนนั้น เบล จะลงเล่นในตำแหน่ง แบ็กซ้าย แต่เขาก็เริ่มมีชื่อเสียง และได้รับการยอมรับในความเชี่ยวชาญ ด้านการยิงฟรีคิกที่แม่นยำมาตั้งแต่เวลานั้น โดยเขาทำไป 5 ประตู จากการลงเล่น 45 นัด ให้กับสโมสรแรกในชีวิต

เบล พัฒนาฝีเท้าได้อย่างรวดเร็ว จนทำให้ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมดังพรีเมียร์ลีก คว้าตัวเขาไปร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ ปี 2007 ด้วยค่าตัวราว 7 ล้านปอนด์ ซึ่งเขาก็สร้างความประทับใจให้กับสโมสรใหม่ได้ทันที หลังทำไปถึง 3 ประตู จาก 4 เกมแรกที่ลงสนาม ส่งผลให้เขากลายเป็นดาวรุ่งวัย 18 ปี ที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่งในเวลานั้น

หลังได้ย้ายมาเล่นในตำแหน่งปีกเต็มตัว ดาวเตะเลือดเวลส์ ก็ยกระดับฝีเท้าของเขาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นตัวหลักของยอดทีมจากลอนดอนเหนือ โดยในฤดูกาล 2011-12 เขายิงในลีกได้ถึง 10 ประตู ทว่าจุดพีคของ เบลกับสเปอร์ส เกิดขึ้นในปีต่อมา เมื่อเขาโชว์ฟอร์มสุดร้อนแรง จนดังเป็นพลุแตกในซีซั่น 2012-13 หลังซัดให้ทีมไปถึง 21 ประตู จากการลงเล่น 33 นัด ในศึกพรีเมียร์ลีก ส่งผลให้เขาก้าวขึ้นเป็นนักเตะระดับแถวหน้า ขึ้นแท่น “ซูเปอร์สตาร์”ของเวทีพรีเมียร์ลีกอย่างเต็มตัว

และด้วยฝีเท้าอันเจิดจรัสเกินต้านทำให้ “ราชันย์ชุดขาว” เรอัล มาดริด ไม่รีรอ จัดการกระชากตัว เบล ไปร่วมทัพในปี 2013 ด้วยค่าตัวราว 85.3 ล้านปอนด์ ซึ่งกลายเป็นสถิติโลกในเวลานั้น ทำลายสถิติเดิมของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่พวกเขาเคยทุ่มเงินซื้อมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยมูลค่า 80 ล้านปอนด์ ในปี 2009

ด้วยค่าตัวระดับสถิติโลก ทำให้ เบล ถูกคาดหวังให้เข้ามาเป็นแข้งคนสำคัญของทีม ซึ่ง เบล ก็ไม่ทำให้แฟนๆ ต้องผิดหวัง เมื่อเขายังคงโชว์ฟอร์มได้เป็นอย่างดี และมีส่วนช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จ คว้าแชมป์ต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ เบล ช่วยพาทีมคว้าแชมป์ไปครองได้ถึง 4 ครั้ง ภายในเวลาเพียง 5 ปี

อย่างไรก็ดี นัดชิงชนะเลิศ ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งที่ เบล น่าจะถูกจำจด และเป็นที่พูดถึงมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้นแชมป์สมัยล่าสุดของ เบล ในซีซั่น 2017-18 ที่ เรอัล มาดริด ปะทะกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล โดยเกมนั้น เบล ถูกกุนซือ ซีเนดีน ซีดาน ส่งลงสนามเป็นตัวสำรอง ก่อนที่เขาจะโชว์ลูกยิงสุดมหัศจรรย์ ด้วยการตีลังกาจักรยานอากาศฟาดบอล เข้าประตูไปอย่างหมดจด ตามด้วยลูกส่องไกลอีกหนึ่งประตู ช่วยให้ยอดทีมจากมาดริด คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัยติดต่อกันได้สำเร็จ และกลายเป็นแชมป์สมัยที่ 13 ของสโมสร และเบลก็ได้รางวัลลูกยิงยอดเยี่ยมของทัวร์นาเม้นท์ไปครองอีกด้วย

ทว่าจากวันนั้น เส้นทางลูกหนังของ แกเร็ธ เบล กับ เรอัล มาดริด ที่ดูเหมือนว่าน่าจะกำลังไปได้สวย กลับต้องพลิกผัน เมื่อซีซั่นถัดมา เบล เริ่มมีฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอ ซีดาน จึงไม่ได้ให้โอกาสเขาลงสนามมากนัก ด้วยอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้งจนฟอร์มตก ส่งผลให้ ปีกชาวเวลส์เริ่มไม่มีความสุขในถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาบิว อีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม อาชีพการค้าแข้งของ เบล ดูเหมือนว่าจะสดใสขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อฤดูกาล 2020-21 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สังกัดเก่าของเขา ตัดสินใจดึงตัว เบล กลับมาเล่นในถิ่นเก่า ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี ซึ่งดูเหมือนว่า การได้คืนสู่เหย้าครั้งนี้ จะทำให้ยอดแข้งรายนี้กลับมาเล่นฟุตบอลอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะเขายังคงตกเป็นตัวสำรองในทีมและโชว์ผลงานไม่น่าประทับใจเท่าไหร่เมื่อมีโอกาสลงสนาม สุดท้าย สเปอร์ส ไม่ใช้ออฟชั่นซื้อขาดตัวเขาแต่อย่างใดและส่งกลับมาดริด เมื่อหมดสัญญา ในปัจจุบัน เบล ย้ายไปค้าแข้งกับ ลอสแอนเจลิส ในเมเจอร์สลีก อเมริกาจนถึงปัจจุบัน

ในสีเสื้อทีมชาติ เบล ยังคงมีชื่อติดทีมชาตทุกทัวร์นาเม้นท์ อีกทั้งล่าสุดในบอลโลก 2022 เขาพาเวลส์เข้าไปเล่นรอบสุดท้ายที่กาตาร์ แต่เสียดายที่ต้องจบเห่ไปเพียงแค่รอบ 32 ทีมสุดท้ายเท่านั้น จมบ๊วยของกลุ่ม บี จึงไม่ผ่านการตัดตัวเขาในรอบต่อไป

แม้ผลงานของ เบล กับทีมชาติ จะไม่สวยหรูเท่าไหร่นัก และไม่เคยคว้าแชมป์ใดๆ กับทีมชาติได้เลย เนื่องจาก เวลส์ ไม่ได้เป็นชาติมหาอำนาจในด้านของเกมลูกหนัง ทว่าความสำเร็จสูงสุดที่ เบล เคยทำให้กับชาติของเขา คือ การสร้างเซอร์ไพรส์ พาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ในศึก ยูโร 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศส ในครั้งแรกทั้งที่พวกเขาเพิ่งจะได้เข้าร่วมการแข่งขันยูโร รอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก โดย เบล ช่วยทีมยิงไป 3 ประตู ในทัวร์นาเม้นต์นั้น ปัจจุบัน เบล ยังคงไม่หันหลังให้ทีมชาติ และจะคงไล่ล่าพาทีมมองหาความสำเร็จในรายการต่อไปอยู่