จอร์จ เบสต์ อีกหนึ่งตำนานปีศาจแดงที่ดีที่สุดในยุค 70′ จนเป็นที่กล่าวขานสร้างความยิ่งใหญ่ให้แมนฯยูมาจนถึงทุกวันนี้

จอร์จ เบสต์ เกิดในเมืองเครกาห์ ทางตะวันออกของกรุงเบลฟัสต์ ไอร์แลนด์เหนือ เกิดวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 1946 ในวัย 15 ปี จอร์จ มีโอกาสแสดงฝีเท้าให้ บ็อบ บิชอป แมวมองของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เห็น บ็อบถึงกับตะลึงในความสามารถของเจ้าหนูคนนี้ เดือนกรกฎาคม 1961 จอร์จ เบสต์ เดินทางออกจากบ้านเป็นครั้งแรก มุ่งหน้าสู่เมืองแมนเชสเตอร์ แต่ทว่าขณะนั้น จอร์จอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น ความห่างไกลจากบ้านเกิด ทำให้เด็กหนุ่มคิดถึงครอบครัวเหมือนใจจะขาด เขาไม่อาจทนกับความกดดันที่ทรมานได้อีก จึงตัดสินใจกลับบ้านหลังมาทดสอบฝีเท้าได้เพียงแค่สองวันเท่านั้น

แต่ด้วยพรสวรรค์ที่เข้าตา แมตต์ บัสบี้ ผู้จัดการทีมในขณะนั้น จอร์จ จึงถูกกล่อมให้กลับมาฝึกซ้อมกับทีมบีของสโมรสร และอีก 2 ปีต่อมา เขาก็ได้รับการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพ ให้กับทีมในที่สุด ฤดูใบไม้ร่วงปี 1963 จอร์จ เบสต์ ในวัย 17 ปี ได้สัญญาอาชีพด้วยค่าจ้าง 17 ปอนด์ต่อสัปดาห์ โดยประเดิมนัดแรกให้กับทีมชุดใหญ่ในวันที่ 14 กันยายน ที่พบกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ซึ่งเขาเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย และช่วยให้ยูไนเต็ดเก็บชัยชนะไปได้

วันที่ 28 ธันวาคม เขาซัดประตูแรกให้กับยูไนเต็ด ในเกมเปิดบ้านเอาชนะ เบิร์นลีย์ 5–1 และหลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ถูกส่งลงเล่นเป็นแกนหลัก ตลอดทั้งฤดูกาล 1963–64 ที่เหลือ โดยเขามีฤดูกาลแรกที่น่าประทับใจ ด้วยการลงเล่น 17 นัด ยิงได้ 4 ประตู ด้วยพรสวรรค์ในการครองบอลที่โดดเด่น เขากลายเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของยูไนเต็ด ในยุคนั้นร่วมกับ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และ เดนิส ลอว์ ที่มีส่วนช่วยให้แมนฯยูไนเต็ดคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 อังกฤษ 2 สมัย (1964-65 และ 1966-67) และยูโรเปี้ยน คัพ 1 สมัย (1967-68) ซึ่งในยุคนั้นยังไม่เป็นพรีเมียร์ ลีก






ผลงานที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เกิดขึ้นในถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ ฤดูกาล 1967-68 ที่แมนฯยูไนเต็ดเข้าชิงชนะเลิศ พบกับ เบนฟิก้า ยอดทีมของโปรตุเกส บนสนามเวมบลีย์ ที่มีคนดูกว่า 90,000 คน ในเกมนี้ จอร์จ ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม เขาเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย และใช้สองเท้าที่คล่องแคล่วของตน เลี้ยงหลบกองหลังเบนฟิกา อย่างเป็นอิสระ เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม และยิงได้ 1 ประตู ช่วยให้แมนฯยูไนเต็ด เอาชนะเบนฟิก้าไปได้ 4-1 คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ไปครองอย่างยิ่งใหญ่

ชัยชนะจากการคว้าแชมป์ยุโรป และรางวัล บัลลงดอร์ นักเตะยอดเยี่ยมของทวีปยุโรปในปี 1968 ด้วยนั้น ทำให้ จอร์จ โด่งดังอย่างฉุดไม่อยู่ หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ล้วนลงข่าวหน้าหนึ่งเป็นรูปของเขา จอร์จ เบสต์ กลายเป็นไอคอนแห่งความสมบูรณ์แบบ อย่างที่ไม่มีนักกีฬาคนใดจะเทียบได้ในยุคสมัยของเขา ด้วยความสามารถที่โดดเด่น ทำให้ผู้คนล้วนอยากเป็นเช่นเดียวกับเขา และยังมีส่วนทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้รับความนิยมสูงสุดบนเกาะอังกฤษ

จากความสำเร็จที่ถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว จอร์จกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ตัวจริง เขาถูกห้อมล้อมด้วยแฟนคลับจำนวนมาก ไม่ว่าจะทำอะไร ล้วนได้รับความสนใจจากผู้คนไปหมด พิษแห่งความสำเร็จทำให้จอร์จหลงลืมตัวว่าเขาคือนักฟุตบอล และสิ่งที่ทำให้จอร์จมีวันนี้ได้ ก็คือการฝึกซ้อมอย่างเคร่งครัด แต่ทว่า สิ่งเหล่านี้ ดูเหมือนจะเป็นเพียงอดีตไปเสียแล้ว แมตต์ บัสบี้ ผู้จัดการทีมในขณะนั้น ต้องปวดหัวต่อพฤติกรรมที่แหลกเหลวของจอร์จ ที่เริ่มมาซ้อมสาย ขี้เกียจวิ่ง ไปจนถึงขั้นมีปากเสียงกันระหว่างฝึกซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม พอตกเวลากลางคืน ก็ดื่มสุราอย่างหนัก

แม้จอร์จ จะเคยทำผลงานยอดเยี่ยม ด้วยการซัลโวให้ทีมสูงสุดถึง 5 ฤดูกาลติดต่อกัน และยังมีส่วนในการพาทีมคว้าแชมป์อย่างมากมาย แต่ช่วงท้ายของการค้าแข้งให้ยูไนเต็ด เขากลับาถูกวิจารณ์ต่อฟอร์มการเล่นที่ไม่เอาไหน แฟนบอลหลายคนเริ่มไม่ชอบขี้หน้าของเขา ที่มักทำตัวเป็นคนขี้เกียจ วัน ๆ เอาแต่เมาเหล้าเมายา จนขาดความมุ่งมั่นในการเล่นฟุตบอล เขามีบั้นปลายกับทีมปีศาจแดงที่ไม่น่าประทับใจนัก แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่คิดจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น แต่กลับแย่ลงไปทุกวัน จนยากที่จะกลับมามีฟอร์มยอดเยี่ยมได้ดังเช่นสมัยอดีตอีกครั้งหนึ่ง

จอร์จ ถูกแมนฯยูยกเลิกสัญญาหลังสิ้นสุดฤดูกาล 1973-74 ทิ้งไว้เพียงผลงานระดับตำนาน ด้วยการลงเล่นมากถึง 470 นัดในทุกรายการตั้งแต่ปี 1963 ถึง 1974 และยิงได้ 179 ประตู ฝากความทรงจำอันดีงาม ที่แฟนบอลแมนฯยูไนเต็ด ไม่อาจลืมเลือนได้มาจนถึงปัจจุบันนี้ หลังย้ายออกจากยูไนเต็ด ชีวิตของจอร์จก็ตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว เขาพเนจรค้าแข้ง ให้ทีมต่าง ๆ ของลีกในแอฟริกาใต้ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา สกอตแลนด์ และออสเตรเลีย รวมๆแล้วร่วมทัพต่อเนื่องมากถึง 11 สโมสร แต่ด้วยปัญหาเดิม ๆ คือโรคติดสุรา รวมถึงการไร้ระเบียบวินัยในการฝึกซ้อม ทำให้เขาไม่สามารถกลับมามีผลงานที่ดีเยี่ยมได้เหมือนครั้งค้าแข้งให้ยูไนเต็ดอีกเลย






จอร์จ ต้องกลายเป็นคนล้มละลาย จนสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย ไปกับสิ่งของที่ไม่จำเป็น เขายังเคยถูกโทษจำคุกในข้อหาเมาแล้วขับ ชีวิตของเขาเสื่อมถอยลงจนน่ากลัว เขากลายเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง เป็นคนที่ล้มละลาย ไม่มีแม้เงินจะซื้ออาหารกิน จนต้องขโมยเงินผู้อื่น เพื่อไปซื้อเหล้าดื่ม จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก อย่างไรก็ดี จอร์จพยายามหลายครั้งที่จะเลิกดื่มสุรา เขาสัญญากับครอบครัวที่รักเขาด้วยใจจริงว่า จะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นกว่านี้ แต่จอร์จติดสุราเกินกว่าจะล้มเลิกได้ง่าย ๆ เพราะมันจะทำให้เขาเกิดอาการลมชัก เมื่อขาดสุรา

สุดท้าย จอร์จ เบสต์ จึงเสียชีวิตในโรงพยาบาลครอมเวลล์ในกรุงลอนดอน ด้วยวัย 59 ปี หลังประสบภาวะอวัยวะล้มเหลวหลายส่วน และมีภาวะปอดติดเชื้อ จากพิษสุราเรื้อรัง ในด้านทีมชาติ เขาติดทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ 37 นัด ยิงได้ 9 ประตู แม้จะไม่เคยพาทีมชาติประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ได้เลยทุกการแข่งขันที่ลงเล่น และไม่เคยลงเล่นฟุตบอลโลกเลยแม้แต่สมัยเดียว แต่ก็จัดได้ว่า เป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไอร์แลนด์เหนือ เท่าที่เคยมีมาเลยก็ว่าได้ และนี้คือประวัติหนึ่งในตำนานหน้าประวัติศาสตร์ของ แมนฯยูไนเต็ดอีกหนึ่งบุคคล

เกียรติประวัติ
แมนฯยูไนเต็ด
ฟุตบอลลีกดิวิชั่นหนึ่ง(ลีกสูงสุดของอังกฤษยุคนั้น): 1964–65, 1966–67
ชาร์ลิตี้ ชิลด์ : 2508, 2510
ยูโรเปี้ยน คัพ: 1968
ฮิเบอร์เนี่ยน เอฟซี
แชมป์ ภาคตะวันออกของ สกอตแลนด์ : 1979–80
ส่วนตัว
บัลลงดอร์: 1968 อันดับสาม 1971
รองเท้าทองคำระดับตำนาน(หอเกีรติยศ) : 2005

credit : https://www.britannica.com/

images credit : https://www.gainesville.com/

images credit : https://www.irishmirror.ie/

images credit : https://www.bbc.com/

images credit : https://www.telegraph.co.uk/

images credit : https://www.gq-magazine.co.uk/

images credit : https://www.irishpost.com/

images credit : https://bleacherreport.com/

images credit : https://www.theguardian.com/