“เอียน ไรท์”ตำนานกองหน้าของ “เดอะ กันเนอร์ส” ที่เข้าทำเนียบ”ฮอลออฟเฟรม”ไปเป็นที่เรียบร้อย

อีกหนึ่งตำนานกองหน้าของ “เดอะ กันเนอร์ส” อาร์เซน่อล ยุค 90′ เขาผู้นั้นมีนามว่า เอียน ไรท์ เกิด 3 พ.ย. 1963 เป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษ ต่อมาเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์และวิทยุ ไรท์ประสบความสำเร็จเมื่อเล่นกับสโมสรใน ลอนดอน อย่าง คริสตัล พาเลซ และ อาร์เซนอล เขาใช้เวลา 6 ปี และ 7 ปี ตามสโมสรที่กล่าวถึงเบื้องต้น ตามลำดับ

เอียน ไรท์ ต้นกำเหนิดเขาเป็นคนชาว จาไมก้า เป็นลูกคนที่สามของครอบครัว และโยกย้ายมาอยู่ประเทศอังกฤษ เอียน ไรท์ เขาเสียพ่อของเขาไปตั้งแต่ยังเล็ก ครอบครัวจึงค่อนข้างมีปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตเพราะไม่ใช่เป็นครอบครัวร่ำรวยแต่อย่างใด เพราะแม่ของเขาก็เป็นแค่คนรับจ้างทั่วไปเท่านั้น แต่ด้วยความฝันตั้งแต่วัยเด็กของ เอียน ไรท์ กับกีฬาฟุตบอล เขาจึงพยายามพลักดันตัวเองไปสู่นักฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มที่ แต่ด้วยโอกาสของคนเราไม่เหมือนกัน เขาได้เข้าวงการลูกหนังค่อนข้างช้ากว่าใครเพื่อนหากเทียบจากอายุ

เอียน ไรท์ พยายามไปร่วมทดสอบฝีเท้ากับหลายสโมสร ตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่มีใครเห็นแววเก่งของเขาเลย เขาเหมือนเด็กที่เล่นฟุตบอลไปวันๆเท่านั้นตามสายตาโค้ช จนกระทั่งเมื่ออายุมาถึงปี 1985 เอียน ไรท์ ในวัย 22 ปี ถูกสโมสร คริสตัล พาเลซ ดึงตัวมาร่วมทีม เพราะกุนซือของทีมในตอนนั้นเห็นแววเก่งจึงชักชวนให้มาทดสอบฝีเท้าและโป๊ะเช๊ะ เอียน ไรท์ ผ่านการทดสอบและได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับ พาเลซ ทันที






เอียน ไรท์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับต้นสังกัด ตอนนั้น พาเลซ อยู่ในดีวิชั่น 2 ของอังกฤษ หากเทียบยุคนี้เป็นลีก แชมเปี้ยนชิพ นั่นเอง ด้วยผลงาน ลงเล่น 225 เกม กับอีก 90 ประตู ในระยะเวลา 6 ฤดูกาลกับ พาเลซ ถือเป็นหนึ่งในกองหน้าที่โด่งดังมากๆในลีก 2 คว้ารางวัลรองเท้าทองคำของลีกมาหลายสมัยติด จนทำให้ “เดอะ กันเนอร์ส” ยักษ์ใหญ่บนเวทีสูงสุดของลีกไม่รอช้า จัดการซื้อตัวเขาร่วมทีมในปี 1991 ด้วยค่าตัว 2.5 ล้านปอนด์ ถือว่าเป็นค่าตัวที่สูงมากในยุคนั้น

ประตูแรกของ เอียน ไรท์ เกิดขึ้นเมื่อในเกมส์ ลีก คัพ ที่พบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ และหลังจากนั้นไม่นาน เอียน ไรท์ การเป็นตัวเลือกลำดับแรกๆของซุ้ม อาร์เซน่อล ในการทำทีมของ จอร์จ แกรแฮม ผู้จัดการทีมในขณะนั้น ซึ่ง เอียน ไรท์ ใช้เวลาปรับตัวไม่นานกับอาร์เซน่อล เขาก็สามารถทำแฮตทริกให้กับตัวเองได้ ในเกมลีกเจอกับ เซาแธมป์ตัน ในฤดูกาลนั้นฤดูกาลเดียว เอียน ไรท์ ทำประตูให้กับอาร์เซน่อลเป็นกอบเป็นกำ รวมทุกรายการยิงไปมากกว่า 30 ประตูด้วยซ้ำ จนกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีกหลายสมัย และดาวซัลโวสูงสุดของสโมสรยาวนาน 6 ฤดูกาลเลยต่อเนื่องทีเดียว

การมาของ อาร์แซน เวงเกอร์ เข้ามารับหน้าที่แทน จอร์จ แกรแฮม ผู้จัดการทีมคนเดิมที่หมดสัญญาออกไป ในขณะนี้ เอียน ไรท์ อายุอานามของเขาก็ปาเข้าไป 33 ปีแล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะฝีเท้าของ เอียน ไรท์ ไม่ได้โรยราตามอายุของเขาไปเลย เขายังคงพังประตูให้กับ อาร์เซน่อล ได้อย่างต่อเนื่อง และโชว์ผลงานโดดเด่นตั้งแต่ อาร์แซน เวงเกอร์ เข้ามารับตำแหน่งในทันที ฤดูกาลนั้น เขาก็เป็นดาวยิงสูงสุดของทีมเช่นเคย

แต่หลังจากการเสริมทัพเอาเด็กหน้าใหม่เข้ามาสู่ทีมของ อาร์แซน เวงเกอร์ ที่ได้ทั้ง เดนนิส เบิร์กแคมป์ และ เธียร์รี่ อองรี เข้ามาสู่ทีมถือเป็นนักรบชุดใหม่อายุยังน้อย จึงเกิดการเปรียบเทียบในด้านผลงานมาขึ้นเรื่อยๆ เอียน ไรท์ กลายเป็นตัวเลือกลำดับรองลงไปเพราะด้านอายุเป็นหลัก เพราะ เวงเกอร์ พยายามสร้างทีมให้เป็นทีมยุดใหม่ขึ้นมา ตัวผู้เล่นอายุเยอะจึงโดนถอดเป็นสำรองไป รวมถึง เอียน ไรท์ นั่นเอง

หลังจากที่ เอียน ไรท์ กลายเป็นแข้งนอกแผนงานของ อาร์แซน เวงเกอร์ เขาจึงย้ายออกจากอาร์เซน่อล รวมการลงเล่นให้กับปืนโตไปทั้งสิ้น 221 นัดใน 7 ฤดูกาล ยิงไป 128 ประตู คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 1 สมัย, เอฟ เอ คัพ 2 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย และ คัพ วินเนอร์ คัพ 1 สมัย ก่อนไปอยู่กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ 2 ฤดูกาล






และถูก น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ยืมไปใช้งาน 1 ฤดูกาล จากนั้นย้ายถาวรไปอยู่กับ เซลติก ยักษ์เขียว สกอตแลนด์ อีก 1 ฤดูกาล ก่อนจะกลับมาอังกฤษอีกครั้งกับ เบิร์นลี่ย์ และแขวนสตั๊ดที่นี่เป็นทีมสุดท้าย หลังออกจาก อาร์เซน่อล เอียน ไรท์ ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรอย่างตอนหนุ่ม 4 ทีมหลังรวมกันเขาทำประตูรวมกันได้ไม่ถึง 30 ประตูด้วยซ้ำไป เขาถึงต้องยุติบทบาทอาชีพค้าแข้งไว้เป็นเพียงหนึ่งในตำนานที่น่าจดจำไว้เพียงแค่นี้

เกียรติประวัติ
คริสตัล พาเลซ
ฟุตบอลลีก ดิวิชั่น 2 เพลย์ออฟ: 1988–89
ฟูลเมมเบอร์ คัพ: 1990–91
รองแชมป์เอฟเอคัพ: 1989–90
อาร์เซน่อล
พรีเมียร์ลีก: 1997–98
เอฟเอ คัพ: 1992–93, 1997–98
ฟุตบอลลีกคัพ: 1992–93
ยูโรเปียนคัพวินเนอร์สคัพ: 1993–94
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
ยูฟ่า อินเตอร์โตโต้ คัพ: 1999
เบิร์นลีย์
รองแชมป์ฟุตบอลลีกดิวิชั่นสอง: 1999–2000

images credit : http://rednbluearmy.co.uk/

images credit : https://www.football.london/

images credit : https://www.independent.ie/

images credit : https://www.arsenal.com/

images credit : https://www.mirror.co.uk/

images credit : https://www.rte.ie/sport

images credit : https://www.dailymail.co.uk/

images credit : https://www.dailyrecord.co.uk/