ตำนานแข้งอินทรีฟ้า-ขาว ที่ประสบความสำเร็จกับ บาร์เซโลน่า อย่างมาก”ฮาเวียร์ มาสเคราโน่”

ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ หนึ่งในตำนานของ อาร์เจนติน่า และเป็นนักเตะที่มีอิธิพลในด้านลูกหนังมากที่สุดคนหนึ่งของวงการยุค 90′ ที่โลดแล่นมาหลายลีกดังทั่วโลก โดยเฉพาะลีกดังไม่ว่าจะเป็น ริเวอร์เพลท(อาร์เจนติน่า),โครินเธียนส์(บราซิล), เวสต์แฮม ยูไนเต็ด(พรีเมียร์ลีก), ลิเวอร์พูล(พรีเมียร์ลีก), บาร์เซโลน่า(ลาลีกา)

มาสเคราโน่ มิดฟิลด์จอมขยันทีมชาติอาร์เจนติน่า หนึ่งในตัวแทนรอบชิงเวิลด์ คัพ 2014 เกิดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 1984 ที่เมือง ซาน โลเรนโซ่ ประเทศอาร์เจนติน่า

นักเตะเจ้าของความสูง 1.75 เมตร เริ่มเส้นทางการค้าแข้งสายอาชีพกับยักษ์ใหญ่ของลีก “ฟ้า-ขาว” ริเวอร์เพลท และนับว่าเป็นเรื่องแปลกแต่จริง เมื่อ มาสเคราโน่ มีชื่อติดทีมชาติอาร์เจนตินา ชุดเยาวชน ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงประเดิมสนามให้กับทีมต้นสังกัดเลยซักนัด

ในฤดูกาล 2003-2004 “มาสเค” คว้าแชมป์ลีกได้กับต้นสังกัด และเป็นหนึ่งดาวรุ่งที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่น จนทำให้ทีมเศรษฐีตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด แสดงความสนใจที่จะคว้าตัวไปร่วมทีม แต่ทว่าการเจรจาต้องยุติลง เพราะ ริเวอร์เพลท ไม่ต้องการปล่อยตัวออกไปในขณะนั้น



ฤดูกาล 2004-2005 เป็นซีซั่นสุดท้ายที่ “มาสเคราโน่” ลงเล่นให้ทีม ริเวอร์เพลท และมันก็เป็นปีที่ไม่น่าจดจำเท่าไหร่นัก เพราะเจ้าตัวไม่สามารถช่วยให้ต้นสังกัดทำผลงานได้ดีไปกว่า การจบฤดูกาลเพียงแค่อันดับที่ 3 ของลีก จนในที่สุด โครินเธียนส์ ทีมดังแดนกาแฟ ก็มาคว้าตัวไปร่วมทีมด้วยราคา 15 ล้านดอลลาร์ หรือสมัยนั้น คิดเป็นเงินไทยสมัยได้ 480 ล้านบาท

“มาสเคราโน่” ย้ายมาร่วมทีมโครินเธียนส์ในเดือน เมษายน 2005 แต่เขาก็ ไม่ค่อยได้มีโอกาสลงเล่นให้ต้นสังกัดในลีกแดนกาแฟมากนัก เนื่องจากประสบปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน แต่อย่างน้อยที่สุดก็ยังเป็นส่วนหนึ่งในชุดที่คว้าแชมป์ลีกบราซิล มาครองได้ในปี 2005 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่สองของเขาที่นั่น

ทว่าเส้นทางในการค้าแข้งที่บราซิล มันก็ต้องจบลง หลังจากที่ในช่วงซัมเมอร์ ปี 2006 เขาได้ย้ายไปร่วมทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมดังในลีกพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ แบบไม่เปิดเผยค่าตัว เคียงข้างกับเพื่อนร่วมทีมชาติอาร์เจนติน่าอย่าง คาร์ลอส เตเบซ

 

เป็นเรื่องเซอร์ไพรซ์ไม่น้อย เมื่ออยู่ดีๆ ยอดมิดฟิลด์ตัวรับเลือด “ฟ้า-ขาว” เลือกที่จะย้ายไปร่วมทีมระดับกลางอย่าง “ขุนค้อน” มากกว่าที่จะเป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรป ทั้งๆ ที่ ก่อนหน้านี้ เขาตกเป็นข่าวหนาหูว่า มีหลายทีมยักษ์ชื่อดังกำลังให้ความสนใจคว้าตัวเขาไปร่วมทีมอยู่ก็ตาม

กระนั้นก็ตาม ผลงานกับเวสต์แฮมไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิดสำหรับเขา เขาก็ยังคงทำผลงานได้ไม่ดีเช่นเดิม ส่งผลให้ ในวันที่ 16 มกราคม 2007 ลิเวอร์พูล จัดการขอยืมตัว มาสเคราโน่ ไปใช้งาน จนเกิดเป็นประเด็นข้อถกเถียงเกี่ยวกับการย้ายทีมที่เกิดขึ้น เนื่องจาก กฎของฟีฟ่า ระบุึว่า ห้ามนักเตะเล่นให้กับสองสโมสรในระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม จนถึง วันที่ 30 มิุถุนายนปีถัดไป ซึ่งกรณีของ “มาสเค” อยู่ในข่ายดังกล่าว

แต่ทุกอย่างก็ลงเอยด้วยดี ไม่มีปัญหา ซึ่งลิเวอร์พูลก็ได้สิทธิ์ใช้งาน “มาสเคราโน่” เป็นครั้งแรกด้วยสัญญายืมตัว 18 เดือน โดยชื่อของเขาถูกบรรจุอยู่ในทีม “หงส์แดง” อย่างเป็นทางการจาก พรีเมียร์ลีก เกิดขึ้นใน วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2007

ในสีเสื้อของลิเวอร์พูล เจ้าตัวกลับมาโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมอีกครั้ง สไตล์การเล่นอันดุดัน วิ่งไล่เบียดแย่งบอลแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำให้แฟนๆ “หงส์แดง” หลงรักมิดฟิลด์รายนี้แบบหมดหัวใจ จนในที่สุด “เบนิเตซ” ก็ตัดสินใจทุ่มเงินถึง 18 ล้านปอนด์ ด้วยสัญญา 4 ปี เพื่อถือสิทธิ์ในการครอบครองแต่เพียงผู้เดียว

เขากลายเป็นนักเตะคนสำคัญในแผงมิดฟิลด์เคียงข้าง สตีเวน เจอร์ราร์ด และ ชาบี อลอนโซ หลังจากนั้นได้ไม่นาน กับเพราะอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อย ทำให้กุนซือลิเวอร์พูลในครั้งนั้น(ราฟาเอล เบนิเตซ)จึงมอบโอกาสนักเตะทดแทน อย่าง ชาบี อลอนโซ่ ที่สองรายนี้สลับกันลงสนามบ่อยครั้งอยู่แล้ว จนสุดท้ายโชว์ฟอร์มได้ดีจนกลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งไปโดยปริยาย ส่งผลให้ มาสเคราโน่ ต้องนั่งเป็นสำรองข้างสนาม ด้วยร่างการที่ไม่ฟิตเท่าไหร่

ฤดูกาลที่เขาลงเล่นมากที่สุดคือ 48 เกมในทุกรายการ ในฤดูกาล 2009-10 แต่ผลงานของทีมไม่ดีเลยจนส่งผลให้ เบนิเตซ ต้องอำลาทีม และมันยังกลายเป็นฤดูกาลสุดท้ายของ มาสเคราโน่ กับหงส์แดงด้วยเช่นกัน ในเดือนสิงหาคม 2010 หลังจากลงเล่น 139 เกม และทำสองประตูให้กับ ลิเวอร์พูล เขาย้ายไปซบตัก บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่ลีกสเปนต่อจากนั้น ด้วยค่าตัว 24 ล้านยูโรเมื่อ 30 สิงหาคม 2010

เขาใช้ฤดูกาลแรกที่ บาร์ซ่า ด้วยการนั่งเป็นตัวสำรองซะส่วนใหญ่ และด้วยหลังจากนั้น บาร์ซ่า มีปัญหาเรื่องนักเตะบาดเจ็บรบกวนหลายรายในตำแหน่งแบ็กจนต้องเลือกให้ มาสเคราโน่ กลายเป็นแบ็กชั่วคราว ควบคู่ไปกับเคราร์ด ปีเก้ ในช่วงนั้นในเกม แชมเปี้ยนลีกนัดชิงกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่สนามกีฬาเวมบลี ซึ่งบาร์เซโลน่าชนะเกมนั้นไป 3-1

ในฤดูกาลถัดไปของ มาสเคราโน่ เขาได้รับเลือกลงสนามอย่างสม่ำเสมอ และกลายเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้ทั้ง เว็นเตอร์แบ็กและมิดฟิลด์ตัวรับให้กับทีม อีกทั้งเขาได้รับสัญญาฉบับใหม่อยู่กับทีมต่อไปเพราะทำผลงานได้ดี จนถึงขั้นตั้งค่าฉีกสัญญาไว้ที่ 100 ล้านยูโรเลยทีเดียว นั่นจึงบ่งบอกได้ว่า มาสเคราโน่ กลายเป็นแข้งคนสำคัญของบาร์ซ่าที่จะขาดไม่ได้

หลังจากนั้น มาสเคราโน่ ก็คือในขุนพลของ บาร์ซ่า มาโดยตลอดและลงสนามอย่างสม่ำเสมอแม้ทีมจะมีการเปลี่ยนแปลงโค้ชไปบ้างก็ตาม แต่ด้วยผลงานที่ดีเขาจึงถูกเลือกให้เป็นแข้งตัวเลือกแรกๆอยู่เสมอ



เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2018 บาร์เซโลนา ประกาศว่า มาสเคราโน่ จะออกจากสโมสรหลังจากช่วยทีมมาอย่างยาวนานถึงเจ็ดฤดูกาลครึ่ง ด้วยการลงสนามให้เจ้าบุญทุ่มไปทั้งสิ้น 203 เกม เพื่อที่จะย้ายไปเล่นทางฝั่ง เอเชียกับสโมสร เหอเป่ย์ ไชน่า ฟอร์จูน ของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และก็อยู่ได้เพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้นเพราะเข้ากับสไตล์บอลไม่ได้ เขาจึงโยกกลับไปเล่นที่ดินแดนบ้านเกิดอย่าง เอสตูเดียนเตส ลา พลาต้า ที่อาร์เจนติน่า เป็นสโมสรสุดท้ายก่อนประกาศแขวนสตั๊ดไปในที่สุด ในปี 2020

ส่วนในสีเสื้อทีมชาติ ฟ้า-ขาว อาร์เจนติน่า มาสเคราโน่ พาทีมคว้าแชมป์มาหลายรายการที่ลงช่วยทีมบ้านเกิด ไม่ว่าจะเป็น รองแชมป์โลกปี 2014 รองแชมป์โคปา อเมริกา ปี 2004, 2007, 2015, 2016 เหรียญทอง โอลิมปิก 2004, 2008 และ คอนเมบอล ปรีโอลิมปิก ทัวร์นาเมนต์ 2004

เกียรติประวัติ
ริเวอร์เพลท
แชมป์ลีกสูงสุด 2003–04
โครินเธียนส์
แชมป์ลีกสูงสุด บราซิล เซเรีย อา 2005
ลิเวอร์พูล
รองชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 2006–07
บาร์เซโลน่า
ลาลีกา 2010–11, 2012–13, 2014–15, 2015–16, 2017–18
โกปา เดล เรย์ 2011–12, 2014–15, 2015–16, 2016–17, 2017–18
ซูเปอร์โกปา เด เอสปาญา 2011, 2013, 2016
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2010-11, 2014–15
ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2011, 2015
ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ 2011, 2015

อาร์เจนติน่า
รองแชมป์ฟุตบอลโลก 2014
รองแชมป์โกปา อเมริกา: 2004, 2007, 2015, 2016
เหรียญทองโอลิมปิก: 2004, 2008
คอนเมบอล พรีโอลิมปิก ทัวร์นาเมนต์: 2004

credit : https://www.sportidols.club/

images credit : https://www.thesun.co.uk/

images credit : https://www.marca.com/

images credit : https://www.meutimao.com

images credit : https://www.sportidols.club/

images credit : https://www.planetfootball.com/

images credit : https://www.liverpoolfc.com/

images credit : https://vnexpress.net/

images credit : https://www.fcbarcelonanoticias.com/

images credit : https://www.skysports.com/

images credit : https://sports.ndtv.com/

images credit : https://www.dailymail.co.uk/