แข้งเท้าชั่งทองของ เชลซี ที่ถูกยกเป็นตำนานไปแล้วแม้ค้าแข้งกับสิงห์บลูเพียง 4 ปี

หนึ่งในแข้งทองคำแห่งเชลซี  จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ “ฮัสเซลเบงค์”เกิด 27 มีนาคม ค.ศ. 1972 เป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์เชื้อสายซูริ ตำแหน่งกองหน้า (ซึ่งจริงๆแล้ว ช่วงเริ่มต้นในการเล่นฟุตบอล ฮัสเซลเบงค์ เริ่มจากการเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูให้กับสโมสร เกเฟโอ)

ฮัสเซลเบงค์ เป็นกองหน้าที่ได้รับการจดจำในช่วงที่ค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกกับสโมสร ลีดส์ยูไนเต็ด, เชลซี, มิดเดิลสโบรห์ และชาร์ลตัน แอธเลติก โดยเขาได้รับรางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 2 สมัย และยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้มากถึง 129 ประตู ก่อนจะแขวนสตั๊ดในระดับฟุตบอลลีกแชมเปียนชิปกับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ โดยเขาติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ 23 นัด ยิงได้ 9 ประตู รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้เล่นทีมชาติชุดฟุตบอลโลก 1998 ที่ประเทศ ฝรั่งเศส

ฮัสเซลเบงค์ เคยเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดของสโมสรตอนย้ายมาจาก แอตเลติโก มาดริด ในปี 2000 ราคา 15 ล้านปอนด์ (ก่อนหน้า แอตฯมาดริด ซื้อมาจากทีม ลีดส์ 10 ล้านปอนด์เท่านั้น) กลายเป็นตัวเลขสุดคุ้มจากค่าเฉลี่ยการยิง 1 ประตูทุก ๆ 2 นัดตลอด 4 ปีที่ค้าแข้ง จนถือเป็นกองหน้าระดับห้าดาวเลยทีเดียว

เขาได้รับรางวัลรองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีกอีกครั้งในปี 2000-01 และช่วยให้สโมสรผ่านเข้าชิงเอฟเอคัพปี 2002 เสียงปรบมือจากแฟนบอล สิงห์บลู มากมายที่ยังคงชื่นชมผลงานของเขาในช่วงที่เล่นให้ เชลซี ในปี 2000-2004

ฮัสเซลเบงค์ เป็นผู้ทำประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งของ เชลซี ทำประตูอย่างน้อยหนึ่งลูกทุกๆ สองนัดที่ลงแข่ง ยิงได้จากทั้งระยะไกลและระยะประชิด พร้อมการยิงจุดโทษที่แม่นยำ เขารับหน้าที่สังหารจุดโทษไปทั้งหมด 12 ครั้ง และไม่มีครั้งไหนพลาดเลย

ทักษะการทำประตูทั้งหมดของเขาถูกรวมเอาไว้ในเกมพรีเมียร์ลีกที่เจอกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เมื่อเดือนมีนาคม 2002 ที่เขาทำประตูจากเท้าทั้งสองข้างและยังโหม่งทำประตู กลายเป็นแฮตทริกสมบูรณ์แบบ ช่วยให้ทีมชนะ 4-0

แม้ว่า ฮัสเซลเบงค์ จะไม่ได้คว้าแชมป์รายการใดกับ เชลซี เลย แต่เขาก็เป็นหนึ่งในนักเตะที่ถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในการลงสนามแต่ละครั้งของสื่อกีฬาเป็นอย่างมาก และประตูของเขาก็ช่วยให้ เชลซี ผ่านเข้าไปแข่งในแชมป์เปี้ยนส์ ลีก ได้ถึงสองครั้ง และจบอันดับสูงสุดในลีกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 49 ปี ในปี 2003-04 เมื่อเราคว้าอันดับสองของพรีเมียร์ลีก

ซึ่งในสองปีหลังที่อยู่กับ เชลซี เขาทำประตูได้น้อยลงไปอย่างน่าใจหาย แต่ก็ยังมีส่วนช่วยให้ทีมผ่านไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกได้สำเร็จ เดือนมีนาคม ปี 2004 เขาทำแฮตทริกในเกมที่เอาชนะ วูล์ฟส์แฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ในพรีเมียร์ลีก และกลายเป็นนักเตะคนเดียวในประวัติศาสตร์สโมสร เชลซี ที่ยิงได้ 3 ประตูหลังลงสนามในฐานะตัวสำรอง

ฮัสเซลเบงค์ อำลาทีม เชลซี ในช่วงซัมเมอร์ ปี 2004 เพราะหมดสัญญา เขาย้ายไปอยู่กับ มิดเดิลสโบรห์ ก่อนจะโยกไปค้าแข้งกับ ชาร์ลตัน และ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ตามลำดับ ประตูแรกที่เขายิงให้ ชาร์ลตัน เป็นลูกยิงที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ และได้รับการยืนปรบมือจากสาวก สิงห์บลูส์ โดยนักเตะไม่ได้ฉลองประตูของเขาแต่อย่างใด

ฮัสเซลเบงค์ แขวนสตั๊ดกับทีม คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ในตอนนั้นวัย 36 ปี และยิงประตูช่วยทีมไป 7 ประตูเท่านั้นกับ 36 นัดที่ลงสนาม 1 ฤดูกาลกับทีม ซึ่งรวมแล้วในการเล่นอาชีพทั้งหมดของ จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ อยู่ที่ 468 นัด ยิงไปทั้งสิ้นรวมทุกสโมสรมากกว่า 190 ประตู และทีมที่มีผลงานด้วยมากที่สุดคือสโมสร เชลซี นั่นเอง

ในสีเสื้อทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ ฮัสเซลเบงค์ ลงเล่นให้ทั้งหมด 23 ครั้ง ทำไป 9 ประตู ดีที่สุดของเขากับทีมชาติ ช่วยทีมจบในอันดับ 4 ของฟุตบอลโลกในปี 1998

เกียรติประวัติ
แอตเลติโก มาดริด
โคปา เด เรย์ : 2000
เชลซี
ชาร์ลิตี้ ชิลด์ : 2000
เอฟ เอ คัพ : 2002
พรีเมียร์ลีก : 2003–04
มิดเดิลสโบรห์
ยูฟ่า คัพ : 2006
คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้
เอฟ เอ คัพ : 2008
ทีมชาติ เนเธอร์แลนด์
อันดับ 4 ฟุตบอลโลก : 1998
ส่วนตัว
รองเท้าทองคำ พรีเมียร์ลีก : 1998–99, 2000–01

credit : https://feelchelsea.com/

images credit : https://www.planetfootball.com/

images credit : http://benditalocuraatletica.blogspot.com/

images credit : https://www.planetfootball.com/

images credit : https://thesefootballtimes.co/

images credit : https://talksport.com/

images credit : https://www.mfc.co.uk/

images credit : https://www.walesonline.co.uk/