ตำนานที่ยังมีลมหายใจ เคนนี่ ดัลกลิช ยอดแข้งชาวสกอตแลนด์ ของ ลิเวอร์พูล

เคนเน็ท แมททีสัน เคนนี่ ดัลกลิช หรือที่รู้จักกันว่า เคนนี่ ดัลกลิช ยอดแข้งสกอตแลนด์ที่มาประสบความสำเร็จอย่างมากกับ ลิเวอร์พูล ยอดทีมอังกฤษ กำเนิดวันที่ 4 มี.ค. ปี 1951 เป็นอดีตนักเตะชาวสกอตแลนด์ เล่นตำแหน่งแนวรุก

ดัลกลิช เป็นกองหน้าของทีมสโมสร เซลติก แล้วก็ ทีมสโมสร “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ผู้ครอบครองสมญานาม “คิง เคนนี่” หลังจากแขวนสตั๊ดยังเคยเป็นอดีตกุนซือ หงส์แดง อีกด้วย




เมื่อเขาอายุได้ 1 ปี ครอบครัวของเขาก็ได้ย้ายไปอยู่ที่แฟลตในเขต มิลตัน ห่างจากจุดศูนย์กลาง กลาสโกว์ ไปด้านเหนืออีกเพียง 3 กิโลเมตร ดัลกลิช ติดอกติดใจกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่ 4 ปี แล้วก็มีเป้าหมายว่าต้องการจะเป็นนักฟุตบอลให้กับ ทีมบอล เรนเจอร์ส หนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของสกอตแลนด์ เนื่องด้วยเป็นสมาคมที่อยู่ในบ้านที่ตนเกิดของตัวเอง

ดัลกลิช ในวัย 16 ปี ลงชื่อเซ็นสัญญาชั่วครั้งคราวกับ ทีมฟุตบอล เซลติก ในตอนเดือน พ.ค. ปี 1968 ก่อนจะได้ตัว ดัลกลิช ไปนั้น ผู้จัดการทีมฟุตบอลของ เซลติกในยุคนั้น จ็อค สเตน ส่ง ฌอน ฟอลลอน ผู้ช่วยกุนซือเซลติกไปแอบมอง ดัลกลิช กับครอบครัวของเขาที่บ้านของพวกเขา

เมื่อก่อนที่ ดัลกลิช จะย้ายมาเล่นกับ เซลติก นั้น พ่อของเขาได้ทดสอบให้ ดัลกลิชไปเล่นกับ คัมเบิร์นลีก ยูไนเต็ด ทีมเล็กๆเพื่อทดลองว่าลูกชายของตัวเองสมควรไหมที่จะไปเล่นให้กับ เซลติก ทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ใน ประเทศ สกอตแลนด์ ในยุคนั้นโดยดัลกลิชทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อมาอยู่กับ คัมเบิร์นลีก ยูไนเต็ด โดยเขายิงไป 18 ประตูด้วยกัน

สำหรับการลงเล่นทั้งสิ้น 37 แมตซ์ ในปี 1968 ดัลกลิช ย้ายจาก คัมเบิร์นลีก ยูไนเต็ด มาสู่ เซลติก ตามคำร้องขอของตัวเขาเอง โดย ดัลกลิชก็ได้โชว์ฟอร์มที่สุดยอดด้วยการแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมของเขาได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะทำประตูไม่ได้ก็ตาม กระนั้น ดัลกลิช ในวัย 16 ปีก็ยังดีอกดีใจที่ความเพียรพยายามแล้วก็ความเชื่อมั่นของตัวเองเพิ่มพูนอยู่เสมอจนกระทั่งเขาได้ถูกเลือกเฟ้นให้มาเป็น นักเตะ แนวรุก ของ เซลติก

ในซีซั่นใหม่ในปี 1969 เคนนี่ ดัลกลิช ได้ลงเล่นเป็นนักเตะอาชีพหนแรกโดยเขาได้ทำไป ในช่วงฤดูกาล 1968-69 ไปได้ 14 ประตู และก็ในตอน 1969-70 อีก 30 ประตู ดัลกลิชเคยบอกกับตัวเองไว้ว่า “แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้เล่นให้กับทีมเรนเจอร์สทีมที่อยู่ในใจ แต่ยังไงพวกเราก็ยังได้เป็นนักเตะยังที่ใฝ่ฝันเอาไว้ไม่ว่าจะอยู่กับทีมไหนก็ตาม” คำบอกเล่าของนักเตะสายโลหิตสกอตกล่าวตบท้ายไว้ก่อนจบซีซั่น 1969-70

ในช่วงฤดูกาล 1970-71 ความฝันของดัลกลิชก็เป็นจริงเมื่อเขาได้พาทีมของเขาไปสู่รอบชิงแชมป์ ถ้วย สกอตติช ลีก คัพ ไปพบกับ เรนเจอร์ส โดยแข่งขันกันเท่ากันไป 2-2 แล้วในช่วงทดเวลา ดัลกลิช ได้ทำไป 2 ประตู ทำให้ เซลติกชนะไป 4-2 ซึ่งได้ผลสำเร็จงานที่ ดัลกลิช ภูมิใจสูงที่สุดตั้งแต่เขาเริ่มรู้จักบอลมา




รวมทั้งในช่วงฤดูกาลนี้ ดัลกลิช ยิงประตูไปได้ 23 ประตู และก็ในฤดูกาล 1976-77 ดัลกลิช ได้สวมปลอกแขนกัปตันสโมสรของทีมฟุตบอล เซลติก ก่อนที่จะ ดัลกลิช จะถูกซื้อตัวไปเล่นให้กับ ทีมฟุตบอล หงส์แดง ในบอลลีกดิวิชั่น 1 ประเทศ อังกฤษในเวลาต่อมา

ดัลกลิช ได้ทำลายสถิตวิธีการทำประตูให้กับ เซลติกไป 167 ประตู โดยได้ลงเล่นทั้งสิ้น 322 แมตซ์ รวมเบ็ดเสร็จ 9 ซีซั่น ซึ่งเป็นนักเตะของ เซลติกคนแรกที่ทำประตูมากกว่า 150 ประตู ใน 9 ซีซั่น

ปี 1977 “หงส์แดง” ได้เซ็นสัญญาคว้าตัว เคนนี่ ดัลกลิช ในวัย 26 ปี ด้วยค่าตัวสูงสุดถึง 440,000 ปอนด์ (ราวๆ 18 ล้านบาท) ซึ่งเป็นสถิติสำหรับในการซื้อนักเตะของเกาะอังกฤษในสมัยนั้น โดย เควิน คีแกน เพื่อนรวมสโมสรของ หงส์แดง ในสมัยนั้นเชื่อมั่นในตัวของดัลกลิชว่า “ชายคนนี้อาจจะเป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกด้วยก็ได้”

ดัลกลิช เขาย้ายมาอยู่กับ หงส์แดงได้เพียง 1 อาทิตย์ รวมทั้งโชว์ฟอร์มอันแข็งแกร่งทำไป 4 ประตูแล้ว ในช่วงปลายฤดู 1977-78 ดัลกลิช นำ “ลิเวอร์พูล” ได้แชมป์บอลยุโรปถึง 3 ถ้วยด้วยกันอย่าง บอลในลีกดิวิชั่น 1 และก็ แชมป์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก กับ เอฟเอคอมมูนิตี้ชิลด์ แล้วก็ ดัลกลิช ได้ขึ้นเป็นดาวซัลโวในดิวิชั่น 1 อังกฤษ(ตอนนั้นคือลีกสูงสุด)ในฤดูกาลนั้นอีกด้วยโดยการทำไป 61 ประตู

ในช่วงฤดูกาล 1978-79 ดัลกลิช ถูกเลือกให้เป็นนักเตะที่ดีเยี่ยมที่สุดจากสโมสรของ เอฟเอ ในประเทศอังกฤษ
เขาทำผลงานต่างๆให้กับ หงส์แดง ได้มากมายไม่ว่าจะเป็น แชมป์บอลลีกสูงสุดดิวิชั่น 1 ในประเทศ, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีกคัพ, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ รวม 22 ถ้วย รวมทั้ง นักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูของเกาะอังกฤษมาแล้ว 2 ครั้งอีกด้วย

ดัลกลิช ร่วมงานกับกุนซือของ”หงส์แดง”มาถึง 2 รายทั้ง บ๊อบ เพสลีย์ และก็ โจ เฟแกน ซึ่งผู้จัดการทีมฟุตบอล 2 คนนี้ก็ได้ชม เคนนี่ ดัลกลิช ว่า “ชายชาวสกอตคนนี้มีพรสวรรค์ เล่นได้ในทุกเหตุการณ์ ถึงแม้ว่า หงส์แดง จะอยู่ในยามกดดันเพียงใด

ในซีซั่นปี 1984-85 เมื่อเกิดเหตุการณ์สุดสลดที่เฮย์เซลในปี 1985 ส่งผลให้ โจ เฟแกน ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลได้ขอลาออกจากตำแหน่ง ของ หงส์แดง “เดอะค็อป” ทั่วทั้งโลกก็เลยเสนอชื่อของ เคนนี่ ดัลกลิช เป็นกุนซือคนถัดไปของ หงส์แดง ทั้งๆที่เขายังเป็นนักเตะของทีมอยู่ในขณะนั้น

รวมทั้งในช่วงปลายซีซั่น 1989-90 ดัลกลิช ในช่วงกุนซือได้นำ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์บอลลีกดิวิชั่น 1 ของเกาะ อังกฤษ ซึ่งเป็นแชมป์ที่ 18 ของหงส์แดง ซึ่งเป็นสิ่งในที่สุดที่ เคนนี่ ดัลกลิช มอบให้กับสโมสร




ฤดูกาล 1990-91 “คิง เคนนี่”ได้ตัดสินใจลาออกจากทีมไปเนื่องจากทนแรงกดดันไม่ไหวด้วยฟอร์มที่ตกต่ำลง อย่างไรก็ตามเขาก็ยังอยู่ในแวดวงของทีมเสมอมา แม้ช่วงเกิดวิกฤตศรัทธาในฤดูกาล 2011-2012 เนื่องจาก รอย ฮ็อดจ์สัน ผู้จัดการทีมทำผลงานได้ย่ำแย่จนถูกไล่ออก ทำให้ คิง เคนนี่ ได้กลับเข้ามาคุมทัพหงส์แดงอีกครั้งหนึ่งและช่วยให้ทีมได้แชมป์ลีกคัพ และเป็นแชมป์แรกของทีมในรอบ 6 ปี จนในปีต่อมาได้ออกจากตำแหน่งไป

ดัลกลิช ได้กล่าวก่อนที่เลิกเล่นอาชีพนักฟุตบอลเอาไว้ว่า “ผมภูมิใจมากที่ได้เล่นมาเล่นให้สโมสรฟุตบอล ลิเวอร์พูลแห่งนี้ ชีวิตของผมได้ผ่านสิ่งต่าง ๆ มามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นฟุตบอล, การคุมทีมฟุตบอล, การช่วยเหลือผู้อื่น, การเป็นลูกที่ดีของคุณพ่อคุณแม่ ผมภูมิใจมาก ๆ เลยครับ

และผมเชื่อว่า ลิเวอร์พูล ของผมอาจจะยิ่งใหญ่ต่อไปถึงแม้จะไม่มีผมก็ตาม” คำกล่าวของนักฟุตบอลชาวสก็อต ในวัย 40 ปี ก่อนที่จะออกจาก แอนฟิลด์ ไป ในปี ค.ศ. 1991 โดยดัลกลิชได้ลงเล่นไป 501 นัด ทำประตูไปได้ 169 ประตู

ในปี 2017 ทีมลิเวอร์พูลได้ประกาศเปลี่ยนชื่ออัฒจันทร์ฝั่งเซ็นเทนารี่ สแตนด์ มาเป็น เคนนี่ ดัลกลิช สแตนด์เพื่อเป็นเกียรติแก่ตำนานที่ยังมีลมหายใจอยู่และยังงมีอิทธิพลกับทีมจนถึงทุกวันนี้



เกียรติประวัติ
เซลติก
– สก็อตติช ดิวิชั่น 1 4 สมัย: 1971-72, 1972-73, 1973-74, 1976-77
– สก็อตติช คัพ 4 สมัย: 1971-72, 1973-74, 1974-75, 1976-77
– สก็อตติช ลีก คัพ 1 สมัย: 1974-75
ลิเวอร์พูล
– ฟุตบอลลีก ดิวิชั่น 1 อังกฤษ 6 สมัย: 1978-79, 1979-80, 1981-82, 1982-83, 1983-84, 1985-86
– เอฟเอ คัพ 1 สมัย: 1985-86
– ลีก คัพ 4 สมัย: 1980-81, 1981-82, 1982-83, 1983-84
– เอฟเอ คอมมูนิตีชีลด์ 7 สมัย: 1976-77, 1978-79, 1979-80, 1981-82, 1985-86, 1987-88, 1988-89
– ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 3 สมัย: 1977-78, 1980-81, 1983-84
– ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 1 สมัย: 1976-77
ระดับทีมชาติ
– ติดทีมชาติให้กับสกอตแลนด์สูงสุด 102 นัด
– ยิงประตูทีมชาติให้กับสกอตแลนด์สูงสุด 30 ประตู
ส่วนตัว
– รางวัล ฟีฟ่า บัลลงดอร์ ซิลเวอร์ 1 ครั้ง: 1983
– นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักเขียนฟุตบอล 2 ครั้ง: 1979-79, 1982-83
– นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ 1 ครั้ง: 1982-83
– รางวัลบรรณาการของสมาคมนักเขียนฟุตบอล: 1986-87
– รองเท้าทองคำ สกอตติช พรีเมียร์ลีก 1 ครั้ง: 1975-76
– ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำปี 4 ครั้ง: 1985-86, 1987-88, 1989-90, 1994-95
– ผู้จัดการทีมพรีเมียร์ลีกยอดเยี่ยมประจำเดือน 2 ครั้ง: มกราคม 1994, พฤศจิกายน 1994
– รางวัลอิสรภาพแห่งเมืองกลาสโกว์ 1 ครั้ง: 1986
– สมาชิกในหอเกียรติยศนักฟุตบอลอังกฤษ 1 ครั้ง : 2002
– หนึ่งในรายชื่อฟีฟ่า 100 ที่ตำนานลูกหนัง “เปเล่” เลือกสรร
– สมาชิกในหอเกียรติยศนักฟุตบอลสกอตแลนด์

 

credit : https://liverpoolfc.fandom.com/

images credit : https://www.scotsman.com/

images credit : https://www.dailyrecord.co.uk/

images credit : https://www.glasgowlive.co.uk/

images credit : https://www.scotsman.com/

images credit : https://thecelticstar.com/

images credit : https://celticunderground.net/

images credit : https://thecelticstar.com/

images credit : https://sportmob.com/

images credit : https://www.liverpoolfc.com/

images credit : https://www.liverpoolecho.co.uk/

images credit : https://www.thisisanfield.com/