ตำนานแข้งไอวอรี่ โคสต์ “โคโล ตูเร่” ที่ค้าแข้งผ่านทีมดังมากมาย โดยเฉพาะ อาร์เซน่อล และ แมนฯซิตี้

ตำนานแข้งชาว ไอวอรี่ โคสต์ หรือ โกตดิวัวร์ “โคโล ตูเร่” ที่ค้าแข้งผ่านทีมดังมามากมาย และส่วนใหญ่การค้าแข้งของเขาจะปักหลักอยู่ที่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น อาร์เซน่อล แมนฯซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ตูเร่ เกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ปี 1981 เมืองบัวเก ประเทศไอวอรี่ โคสต์ เขาถือเป็นกองหลังที่มีร่างกายสมส่วนทั้งความสูงและร่างกายกำยำล่ำสัน แต่ความเร็วเป็นเลิศ เข้าสไตล์หุ่นแนวรับชั้นดี

ตูเร่ ย้ายมาค้าแข้งในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับ “เดอะ กันเนอร์ส” ในเดือน ก.พ. ปี 2002 จาก เอเอสอีซี ไมโมเซส ด้วยค่าตัว 150,000 ปอนด์ หลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจในช่วงการทดสอบฝีเท้ากับปืนโต แต่ทว่ายังไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในถิ่น ไฮบิวรี่ ได้สำเร็จ จนกระทั่งในเดือน สิงหาคม ปีเดียวกัน ก็ได้สวมเสื้อ “ปืนใหญ่”ชุดใหญ่สโมสรเป็นครั้งแรกในศึกฟุตบอลการกุศล คอมมูนิตี้ ชิลด์ กับ ลิเวอร์พูล โดยลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวา

ในฤดูกาล 2003-04 อาร์แซน เวนเกอร์ โยกให้เขาเข้ามาเล่นเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟ โดยจับคู่กับ โซล แคมป์เบล์ ช่วยให้ต้นสังกัด อย่าง อาร์เซน่อล ทำสถิติไม่แพ้กันติดต่อกันถึง 49 นัด ปีต่อมา ฤดูกาล 2004-05 กองหลังผิวสี รายนี้ สามารถปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การเล่นของเมืองผู้ดีได้อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งกลายมาเป็นหนึ่งในปราการหลังตัวกลางที่ดีที่สุดคนหนึ่งของพรีเมียร์ลีก อังกฤษในช่วงนั้น

ในฤดูกาล 2005-06 ตูเร่ ก็ถูกจับให้มาคู่กับ ฟิลิปป์ เซนเดอรอส ในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง แทนที่ขณะนั้นตัวหลักอย่าง แคมป์เบล์ มีอาการบาดเจ็บรบกวน ซึ่งทั้งคู่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้ อาร์เซนอล ทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศของ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก เป็นครั้งแรก ด้วยการสร้างสถิติที่เป็นสถิติของการแข่งขัน คือ ไม่เสียประตูนานติดต่อกันถึง 10 นัดรวด

ตูเร่ เปลี่ยนเบอร์เสื้อจากเบอร์ 28 มาเป็นเบอร์ 5 ในฤดูกาล 2006-07 หลังจากที่ มาร์ติน คีโอน ออกจากทีมไป เขาได้รับบทบาทกัปตันทีมอาร์เซนอลเป็นครั้งแรก ในนัดที่เอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปได้ 6-3 ในฟุตบอลลีก คัพ เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2007 ต่อมา เขาก็ได้รับความไว้วางใจจาก เวนเกอร์ ให้เป็นกัปตันทีมอีกหลายครั้ง และในวันที่ 13 เมษายน 2009 ตูเร่ มีปัญหาไม่ลงรอยกับ วิลเลี่ยม กัลลาส เพื่อนร่วมทีม ทำให้เขาขอขึ้นบัญชีย้ายออกจากสโมสร แต่หลังจากการได้พูดคุยกับ ปีเตอร์ ฮิลล์-วู๊ด ประธานสโมสรของ อาร์เซน่อล ทำให้เขาตัดสินใจอยู่กับทีมต่อไปจนจบฤดูกาล

หลังจากที่มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการย้ายทีมของ ตูเร่ ทำให้หลายทีมถึงกับเฝ้าตามสถานะการณือย่างใกล้ชิด จนสุดท้ายก็เป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยื่นข้อเสนอจำนวน 14 ล้านปอนด์ ให้กับ อาร์เซน่อล เพื่อดึงตัวเขามาสู่ถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2009 เซ็นสัญญากันเป็นเวลา 4 ปี โดย มาร์ค ฮิวจส์ กุนซือของ “เรือใบสีฟ้า” ในเวลานั้น ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นกัปตันทีม และเขายิงประตูแรกให้กับ แมนฯ ซิตี้ ได้ในการแข่งขันฟุตบอลลีก คัพ นัดที่เฉือนชนะ ฟูแล่ม 2-1 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2009 ต่อมา ตูเร่ ได้ลงเล่นร่วมทีมเดียวกันกับน้องชายของเขา เมื่อแมนฯ ซิตี้ ซื้อตัว ยายา ตูเร่ มาร่วมทีม ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2010

ในฤดูกาล 2010-11 โรแบร์โต้ มันชินี่ นายใหญ่ของแมนฯ ซิตี้ ในตอนนั้น ได้ยึดปลอกแขนกัปตันทีมคืนจาก ตูเร่ และแต่งตั้งให้ คาร์ลอส เตเบซ นักเตะชาวอาร์เจนไตน์ เป็นกัปตันแทน แต่เขาก็ยังคงอยู่ในแผนการทำทีมของ มันชินี่ และเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2011 มีรายงานเปิดเผยว่า ตูเร่ ไม่ผ่านการทดสอบยาเสพติด ทำให้เขาถูกแบนจากการแข่งขันฟุตบอลเป็นเวลา 6 เดือน ต่อมาในฤดูกาล 2011-12 ตูเร่ ได้รับโอกาสลงเล่นให้กับทีม “เรือใบสีฟ้า” ในลีก ทั้งหมด 14 นัด และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี

เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2013 ลิเวอร์พูล ได้ออกมาแถลงการณ์เรื่องการคว้าตัว ตูเร่ มาจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบไม่มีค่าตัว เซ็นสัญญา 2 ปี และสวมเสื้อหมายเลข 4 โดยเขาเป็นนักเตะคนแรกที่ แบรนดอน ร็อดเจอร์ส กุนซือของ “หงส์แดง” คว้าตัวมาร่วมทีม โดย ตูเร่ ลงสนามในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล เป็นนัดแรกในศึกพรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาลที่เปิดบ้านเอาชนะ สโต๊ค ไปได้ 1-0 เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2013

ตูเร่ อยู่กับ หงส์แดง 3 ฤดูกาลที่นั่น แต่เข้าก็เป็นเพียงตัวสำรองของทีม จนกระทั้งหมดสัญญา เขากลายเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์ จึงเลือกย้านซบ เซลติก ที่ได้ติดต่อทาบทามเขาเข้ามา เขาอยู่กับ เซลติก ได้เพียงฤดูกาลเดียวก่อนที่จะประกาศแขวนสตั๊ดไปในที่สุด ตอนนั้น ตูเร่ มีอายุ 36 ปี ซึ่งสรุปแล้ว ตูเร่ ค้าแข้งอยู่ในวงการลูกหนังไปทั้งหมด 19 ปี ลงเล่นไปมากกว่า 360 นัด และยิงไป 12 ประตู

ส่วนผลงานระดับชาติ ตูเร่ ซึ่งมีพี่น้อง 2 คน คือ ยายา ตูเร่ และ อิบราฮิม ตูเร่ อยู่ในวงการฟุตบอลด้วยนั้น ติดทีมชาติทีมครั้งแรกเมื่อปี 2000 โดยเคยผ่านทัวนาเมนต์สำคัญมาแล้ว อย่าง ศึก แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ปี 2002 และเป็นรองแชมป์ในรายการนี้ ปี 2006 รวมไปถึงเป็นผู้เล่นคนสำคัญของไอวอรี่ โคสต์ ที่ช่วยพาทีมผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลก 2006 ได้เป็นครั้งแรก

ต่อมาในฟุตบอลโลกปี 2010 ตูเร่ ก็ได้เข้าร่วมแข่งขันอีกครั้ง เขาได้รับบทบาทกัปตันทีมแทน ดิดิเยร์ ดร็อกบา ที่ได้รับบาดเจ็บไม่สามารถลงสนามได้ ในนัดแรกที่ ไอวอรี่ โคสต์ พบกับ โปรตุเกส ซึ่ง ตูเร่ ลงเล่นในนามทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ ไปทั้งหมด 106 นัด ทำได้ 6 ประตู ในสีเสื้อทีมชาติ


เกียรติประวัติ
อาเซค มิโมซาส
โกตดิวัวร์ พรีเมียร์ ดิวิชั่น : 2001, 2002
ซีเอเอฟ ซูเปอร์คัพ : 1999
อาร์เซน่อล
เอฟเอคัพ : 2002–03, 2004–05
พรีเมียร์ลีก : 2003–04
เอฟเอ คอมมูนิตี้ ชีลด์ : 2002, 2004
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก : 2005-06
ลีก คัพ : 2006-07
เอฟเอ คอมมูนิตี้ ชีลด์ : 2003, 2005
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
พรีเมียร์ลีก : 2011–12
เอฟเอคัพ : 2010–11
เอฟเอ คอมมูนิตี้ ชิลด์ : 2012
เอฟเอคัพ : 2012–13
เอฟเอ คอมมูนิตี้ ชิลด์ : 2011
ทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ หรือ โกตดิวัวร์
แอฟริกาคัพออฟเนชันส์: 2006, 2012

images credit : https://www.fourfourtwo.com/

images credit : https://kumparan.com/

images credit : https://www.express.co.uk/

images credit : https://www.eurosport.com/

images credit : https://www.dailymail.co.uk/sport

images credit : https://www.eurosport.com/

images credit : https://www.liverpoolecho.co.uk/

images credit : https://www.telegraph.co.uk/

images credit : https://www.glasgowlive.co.uk/

images credit : https://www.aa.com.tr/

images credit : https://reference14sport.blogspot.com/