การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก คู่แรก ของค่ำคืนนี้ “สิงห์บลู” เชลซี จ่าฝูง พรีเมียร์ ลีก เปิดบ้านรับการมาเยือน “เจ้านกขมิ้น” นอริช ซิตี้ ทีมบ๊วยของตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก
วันนี้เจ้าถิ่นใช้แผน 3-4-2-1 คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย, เมสัน เมาท์ และ ไค ฮาแวร์ตซ์ เป็นสามประสานในแดนหน้า ด้านทีมเยือนมาในระบบ 3-5-2 มาธิอัส นอร์มันน์ คุมแดนกลาง ทีมู ปุกกี้ จับคู่ โจชัว ซาร์เจนต์ ล่าตาข่าย
โดยผลการแข่งขันออกมาตามคาด เป็นเจ้าบ้าน เชลซี เรียงหน้ากันยิงถล่มไปถึง 7 – 0 โดยได้ประตูแรกขึ้นำตั้งแต่นาทีที่ 8 จากลูกยิงของ เมสัน เมาท์ ขึ้นนำ 1-0
นาที 18 มัตเตโอ โควาซิช จ่ายทะลุช่องฉีกแนวรับ นอริช ทั้งแผงให้ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย หลุดเข้าไปแปเล่นทางผ่านมือ ทิม ครูล นายด่านนอริช เข้าไปเป็นนำ 2-0
นาที 42 เมสัน เมาท์ ไหลให้ รีช เจมส์ สอดขึ้นมากระดกบอลข้าม ทิม ครูล เข้าไปอย่างสวยงาม จบครึ่งแรกนำห่าง 3-0
ครึ่งหลัง นอริช มีโต้บ้าง นาที 54 เบน ชิลเวลล์ จ่ายบอลคืนหลังพลาด มิลอต ราชิก้า แนวรุกเจ้านกขมิ้น ฉกหลุดเดี่ยวพยายาม แตะผ่าน เอดูอาร์ด เมนดี้ นายด่าน เชลซี แต่ เมนดี้ ยังไวยื่นขาป้องกันลูกยิงไว้ได้
นาที 57 เกมรุกเชลซีหลากหลายกว่าเยอะ โควาซิช ผ่านให้ เบน ชิลเวลล์ มาแก้ตัวในจังหวะก่อนหน้าได้ ด้วยการยิงสุดสวยเสียบเสาให้ เชลซี ออกนำ 4-0
นาที 63 เชลซี ยิงไม่หยุดไม่หย่อน คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย พยายามเปิดบอลยัดเข้ากลาง ไปแฉลบ แม็กซ์ อารอน กองหลังนอริช เปลี่ยนทางทำให้ ครูล ปัดป้องไม่ทันบอลไหลเข้าประตูไป 5-0
นอริช ยิ่งสาหัสเข้าไปอีก นาที 65 เบน กิบสัน ไปหงายปุ่มใส่ข้อเท้า รีช เจมส์ ผู้ตัดสินชักใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป
นอริช ที่ตามหลัง 5 ประตูต้องเล่น 10 คน หลังจากนั้น เชลซี แม้จะพักตัวหลัก แต่ก็ยังบุกแหลก นาที 83 อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ยิงไปติด แมทเธียส นอร์แมน บอลออกหลังไป แต่ ผู้ตัดสินเช็ก “วีเออาร์” เห็นว่า นอร์แมน กางแขนขวางไว้ และชี้เป็นจุดโทษ
เมสัน เมาท์ เป็นคนยิงจุดโทษ แต่ยิงบอลไปติดมือ ครูล ล้มตัวถูกทาง อย่างไรก็ตาม จังหวะดังกล่าว ครูล ถลำออกมานอกเส้น ผู้ตัดสินให้ยิงใหม่ คราวนี้ เมาท์ แก้ตัวสำเร็จ ยิงนำครึ่งโหล 6-0
เกมยังไม่หยุด นาที 90+1 รูเบน ลอฟตัส ชีค ถวายพานให้ เมสัน เมาท์ ซัดแฮตทริก ปิดกล่องที่ 7-0 จากชัยชนะนัดนี้ ทำให้ เชลซี มีเพิ่มเป็น 22 คะแนน การันตีตำแหน่งจ่าฝูงต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ ส่วน นอริช ซิตี้ มี 2 คะแนนเท่าเดิม ต้องตามหาชัยชนะนัดแรกต่อไป
credit : https://www.espn.com/
images credit : https://www.marca.com/
