ตำนานกองกลางของปีศาจแดง ที่ว่ากันว่าเป็นผู้ปิดทองหลังพระ “ไมเคิ่ล คาร์ริค”

“ไมเคิ่ล คาร์ริค” เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ปี 1981 ที่ วอลล์เซนด์ ,อังกฤษ ในวัยเด็กเขาเป็นแฟนตัวยงของสโมสร นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และเขาเริ่มเลยฟุตบอลกับสโมสร วอลล์เซนด์ บอยส์ คลับ ที่เป็นหนึ่งในสโมสรปลุกปั้นนักเตะจนโด่งดังมาหลายราย หนึ่งในนั้นคือ อลัน เชียร์เรอร์ ตำนานของ นิวคาสเซิ่ลนั่นเอง ต่อมาเมื่อเขาอายุได้ 12 ปี ฟุตบอลเป็นสิ่งที่เด็กคนนี้หลงไหลอย่างเต็มตัว จนเขาถูกส่งไปอยู่อคาเดมี่ของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ดึงตัวเขาไปร่วมทีม ซึ่งตอนนั้น คาร์ริค ถูกจับไปเล่นในตำแหน่งกองหน้า

คาร์ริค เป็นส่วนหนึ่งของทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในวัย 12 ปี โดยเขาสามารถยิงได้ 2 ลูกในนัดชิงชนะเลิศที่เอาชนะ โคเวนทรี ซิตี้ 9-0 ในศึก เอฟเอ ยูธ คัพ และการเริ่มต้นนักเตะอาชีพของเขามีปัญหาเพราะเขาบาดเจ็บไปถึง 2 ปีเต็มแต่เขาก็สามารถพื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว คาร์ริค แม้จะไม่ใช่นักเตะที่เล่นโดดเด่น แต่ในเรื่องการวางบอลที่แม่นยำไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน

จากผลงานในสนามซ้อม โค้ชของ เวสต์แฮม ต่างยกให้ คาร์ริค เป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์อย่างมากในตำแหน่งกองกลาง จนถูกดันขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่หลังอยู่ในทีมสำรองได้ไม่นาน ซึ่งในตอนนั้น แฮร์รี่ เร็ดแน็ป เป็นผู้จัดการทีม เวสต์แฮม และเป็นผู้พลักดัน คาร์ริค ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ จากการแนะนำของโค้ชเยาวชนของทีมนั่นเอง

จนมาถึงปี 2004 คาร์ริค ถูกไก่เดือยทองซื้อไปร่วมทีม แม้ฟอร์มการเล่นไม่ถึงกับโดดเด่นกว่าใครเพื่อน แต่การวางบอลที่ออกจากเท้าทุกครั้งช่วยให้แนวรุก สเปอร์ส ได้จังหวะหาโอกาสส่องประตูได้แทบทุกครั้ง จนพาไก่เดือยทองกลายเป็นทีมที่เล่นได้เด่นทีมหนึ่งของพรีเมียร์ลีกทันที

นั่นจึงทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่รอช้าที่จะนำตัวเขามาอยู่กับทีมทันทีแทนที่ รอย คีน ย้ายออกจากทีมไป ในครั้งนั้น แมนฯยู ได้ซื้อตัวมาจาก สเปอร์ส ด้วยค่าตัวสูงถึง 18.6 ล้านปอนด์




แต่ถือว่ากว่าจะได้ตัวมาครอง แมนฯยู ต้องใช้วาจาโน้มน้าวสเปอร์สหลายต่อหลายครั้งกว่าจะได้ตัวมา แต่การเข้ามาถึงใหม่ๆ คาร์ริค ถูกตั้งคำถามจากแฟนบอลอย่างหนัก ว่าแข้งผอมบางรายนี้จะเข้ามาแทนที่ รอย คีน ได้จริงเหรอ จนถูกแฟนบอล”ปีศาจแดง”มองข้ามเขาไปและพยายามส่งซิกให้ทีมโปรดหาแข้งบิ้กเนมเข้ามาแทนที่ ทั้งๆ คาร์ริค ยังไม่ได้โชว์ฝีเท้ากับทีมเลย

สุดท้ายเป็น อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นคนออกมาพูดกับแฟนบอลว่าใจเย็นๆ และบอกออกไปว่า “คาร์ริค แข้งคนนี้แหล่ะที่จะพาแมนฯยูกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งอย่างแน่นอน” โดย คาร์ริค สวมเสื้อเบอร์ 16 ที่เป็นเบอร์เก่าของ รอย คีน อีกด้วย

และเป็นอย่างที่ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พูดไว้ไม่มีผิด ยามใดที่ คาร์ริค ลงสู่สนาม เขามักจะทำเกมให้กับเพื่อนร่วมทีมจนดูเกมออกมาง่ายดายไปหมด ยามที่เกมใดไม่มีเขา ก็ทำให้ฟอร์มของทีมต่างกันในเชิงลบอย่างสิ้นเชิง จนทำให้แฟนบอลเริ่มให้ความสนใจกับแข้งรายนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังเป็นแค่บางส่วนเท่านั้น

หลังจากที่ คาร์ริค เข้ามาอยู่กับทีม ปีศาจแดง แมนฯยู สามารถคว้าแชมป์มาครองได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แชมป์ พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, เอฟ เอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย, เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ 5 สมัย, แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย, ยูโรป้า ลีก 1 สมัย และ สโมสรโลก 1 สมัย และนี้คือผลงานที่แข้งชายคนนี้ที่ช่วยทีมตั้งแต่เข้ามาอยู่กับสโมสร

มาถึงฤดูกาล 2017-18 ไมเคิ่ล คาร์ริค ออกมาประกาศอย่างช็อควงกาล หลังบอกว่าจะแขวนสตั๊ดหลังจบฤดูกาลนี้ ทั้งๆที่อายุของเขาอยู่ในวัย 36 ปี นั่นเป็นสาเหตุมาจากอาการที่หัวใจเต้นผิดปรกติจากการตรวจร่างกาย จนแพทย์และครอบครัวของเข้าบอกให้เขาแขวนสตั๊ดไปก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นไปมากกว่านี้ หลังจากแขวนสตั๊ด คาร์ริค ได้รับงานต่อไปในซุ้มผีแดง ให้ไปเป็นหนึ่งในสต๊าฟโค้ชของทีมแทน




เกียรติประวัติ
เวสต์แฮมยูไนเต็ด
เอฟเอ ยูธ คัพ : 1998–99
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ลีก : 2006–07, 2007–08, 2008–09, 2010–11, 2012–13
เอฟเอคัพ : 2015-16
ฟุตบอลลีกคัพ : 2009–10
เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ : 2007, 2008, 2010, 2011, 2013
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก : 2007–08
ยูโรป้าลีก : 2016-17
ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก : 2008
ส่วนตัว
ฟุตบอลลีกเฟิสต์ดิวิชั่น 1 ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ : 2003–04
ทีมพรีเมียร์ลีก พีเอฟเอ แห่งปี : 2012–13
นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด : 2012-13

images credit : https://www.whufc.com/

images credit : https://www.football.london/

images credit : https://www.tottenhamhotspur.com/

images credit : https://www.planetfootball.com/

images credit : https://www.mirror.co.uk/

images credit : https://www.caughtoffside.com/

images credit : https://www.90min.com/

images credit : https://nusakini.com/