ตำนานกองหน้าทัพอินทรีเหล็กและ บาเยิร์น มิวนิค “มิโรสลาฟ โคลเซ่”(จ้าวเวหา)

มิโรสลาฟ โคลเซ่ หัวหอก “อินทรีเหล็ก” ทีมชาติเยอรมัน ชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล เขาคือหนึ่งในนักเตะที่แอดมินมองว่าเป็นแข้งที่รักษาระดับการเล่นได้ดีมากที่สุดในทัพเยอรมันตั้งแต่เข้าร่วมทีมชาติจนกระทั่งแขวนสตั๊ดกันเลยทีเดียว

โคลเซ่ อาจไม่ใช่นักเตะประเภทเร็วจี๊ดหรือมีเทคนิคแพรวพราว แต่ความยอดเยี่ยมในลูกกลางอากาศและสัญชาตญาณการทำประตูที่มีอยู่ในตัวก็ทำให้บาเยิร์น มิวนิค ยอมทุ่มเงินก้อนโตเพื่อดึงตัวมาร่วมทีม และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อพาทีมเสือใต้คว้าดับเบิลแชมป์ได้ตั้งแต่ซีซั่นแรก

มิโรสลาฟ โคลเซ่ เกิดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 1978 ที่เมืองออปอเล ประเทศโปแลนด์ ชื่อเล่นว่า “มีโร” ก่อนที่จะครอบครัวจะย้ายหนีระบบการปกคองแบบคอมมิวนิสต์มาอยู่ที่ฝรั่งเศสในปี 1981 ตั้งแต่อายุได้เพียง 3 ขวบ แต่ด้วยความที่พ่อของเขามีเชื้อสายเยอรมันอยู่แล้วจึงทำให้ตัดสินใจย้ายมาตั้งรกรากที่เมืองอ๊อดซีดเลอร์ แทน

โคลเซ่ เลือกที่จะฝึกเป็นช่างไม้ในระหว่างเล่นฟุตบอลกับทีมเล็กๆ ระดับหมู่บ้าน ซึ่งเป็นทีมระดับดิวิชั่น 7 ของเยอรมัน ก่อนที่จะเข้าสู่การเล่นอาชีพเป็นครั้งแรกกับ ไกเซอร์ สเลาเทิร์น เมื่อปี 1999

โคลเซ่ แจ้งเกิดได้ช้ากว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ในวัยเดียวกันนั้นเป็นเพราะเขามีทักษะและความสามารถที่ด้อยกว่า ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกโกรธกับคำวิพากษ์วิจารณ์โดยเฉพาะเมื่อถูกนำไปเปรียบเทียบกับกองหน้าระดับสตาร์อย่าง ไมเคิ่ล โอเว่น หรือ รุด ฟาน นิสเตอรอย ยิ่งไปกว่านั้น โคลเซ่ ยังเคยให้สัมภาษณ์ว่ารู้สึกเป็นเกียรติที่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับดาวดังคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ




หลังจากที่ค้าแข้งกับทีมไกเซอร์ สเลาเทิร์นได้ 5 ฤดูกาล ซึ่งแน่นอนว่า ในการทำผลงาน ได้อย่างยอดเยี่ยม ในครั้งนั้นทำให้โคลเซ่ เนื้อหอมมาก ๆ และเข้าตาใครหลาย ๆ ทีม แต่ โคลเซ่ ตัดสินใจที่จะย้ายไปแวร์เดอร์ เบร์เมน ในปี 2004 ด้วยค่าตัว 5 ล้านยูโร (ราว 250 ล้านบาท) และกลายเป็น 3 ประสานในแกนรุกร่วมกับ โยฮัน มิกูด์ เพลย์เมกเกอร์ชาวฝรั่งเศส และ อิวาน คลาสนิค และทำประตูในลีกได้ถึง 15 ลูกในฤดูกาลแรกกับ “เจ้านกนางนวล”

ฤดูกาล 2005-06 ถือเป็นช่วงพีคของเขาอย่างแท้จริงเพราะสามารถจบด้วยการเป็นดาวซัลโวบุนเดสลีกา เยอรมันได้อย่างสง่าแบบไร้คู่แข่งด้วยจำนวน 25 ประตู และรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีอย่างต่อเนื่องด้วยการคว้ารางวัลรองเท้าทองคำจากศึกฟุตบอลโลก 2006 รอบสุดท้าย หลังเป็นดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์ด้วยการกดไป 5 ประตู ก่อนจะคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมันไปแบบไร้ข้อโต้แย้ง

แม้ว่าจะมีรูปร่างที่ค่อนข้างผอมบาง แต่ โคลเซ่ กลับเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีที่สุดในบุนเดสลีกา และอาจจะรวมถึงในยุโรปด้วย จนได้รับฉายา”เจ้าเวหา”นอกจากนั้น สัญชาตญาณการทำประตูในกรอบเขตโทษ และการครองบอลที่แข็งแกร่ง ก็ทำให้ยักษ์ใหญ่หลายทีมในยุโรปต้องการคว้าตัวไปร่วมทีมไม่ว่าจะเป็น บาเยิร์น, บาร์เซโลน่า และ ยูเวนตุส

2007 แฟนบอลเบรเมนก็ต้องช็อคเมื่อ โคลเซ่ ออกมายืนยันว่าเขาจะย้ายไปเล่นให้ทีม “เสือใต้” ในฤดูกาล 2007-2008 หลังอยู่กับ “เจ้านกนางนวล” จนกระทั่งหมดสัญญาในปี 2008 และย้ายไปแบบไม่มีค่าตัว ซึ่งการประกาศดังกล่าวสร้างความโกรธเคืองให้กับกองเชียร์เป็นอย่างมาก

ในวันที่ 28 มิ.ย. 2007 โคลเซ่ ก็เซ็นสัญญากับ บาเยิร์น อย่างเป็นทางการ ระยะเวลา 4 ปี ด้วยค่าตัว 15 ล้านยูโร หัวหอกวัย 29 ปี ก็ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะเมื่อได้ประสานงานกับอีก 2 นักเตะใหม่อย่าง ลูก้า โทนี่ ดาวยิงทีมชาติอิตาลี และ ฟรองค์ ริเบรี่ เพลย์เมกเกอร์ชาวฝรั่งเศส

แม้ว่าจะยิงประตูไม่ได้เป็นกอบเป็นกำเท่ากับ โทนี่ แต่ โคลเซ่ ก็มีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้บาเยิร์น มิวนิค ทวงถาดแชมป์บุนเดสลีกา กลับมาได้อีกครั้ง ก่อนจะได้กลับไปร่วมสังฆกรรมในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ รวมถึงพาทีมสอยแชมป์เดเอฟเบ โพคาลด้วย

โคลเซ่ โยกไปเล่นในต่างแดนครั้งแรกกับลาซิโอ ทีมแกร่งในศึกกัลโช เซเรีย อา อิตาลี เมื่อฤดูกาล 2011/12 แม้ว่าการย้ายทีมครั้งนี้จะอยู่ในช่วงบั่นปลายอาชีพนักเตะ แต่เจ้าตัวสามารถทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ โดยเขาพาทีมดังแห่งกรุงโรม คว้าแชมป์โคปา อิตาเลีย ในปี 2013 ด้วยการเฉือนชนะทีมคู่รักคู่แค้นร่วมเมืองอย่างโรม่า ในนัดชิงฯได้สำเร็จ

นอกจากนี้ เขายังยิงให้ลาซิโอ ได้ถึง 64 ประตู ตลอดการลงเล่น 5 ปี ถือเป็นนักเตะที่ไม่ใช่คนอิตาลีที่ยิงประตูได้มากที่สุดตลอดกาลของทีมอินทรีฟ้าขาว และได้ประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2016




โดย โคลเซ่ ได้เลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ ในปี 2016 ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม กับการทำประตู ไปมากถึง 71 ลูก โดยการลงทีมชาติ 137 นัด นับเป็นผลงานที่ สร้างประวัติการ ให้กับทีมชาติอินทรีย์เหล็ก และยังคงเป็นกองหน้าที่ ทำประตูได้ สูงสุดตลอดกาลของทีมชาติเยอรมัน

ในส่วนของสโมสร โคลเซ่ ลงเล่นไปทั้งสิ้น 529 นัด ยิงไปทั้งหมด 212 ประตู กับการค้าแข้งยาวนานถึง 18 ปี 5 สโมสร

ในปี 2020 เขาได้กลับมาทำงาน ในวงการฟุตบอลอีกครั้ง กับการเซ็นต์สัญญา เป็นมือขวาให้กับ ฮันซี่ ฟลิค กับการเป็นผู้ช่วยโค้ช ให้กับสโมสร บาร์เยินมิวนิค ซึ่งแน่นอนว่า การเป็นผู้ช่วยโค้ช เป็นอีกหนึ่งสิ่ง ที่เขาตั้งใจในงานมาก ๆ

เกียรติประวัติ
แวร์เดอร์ เบร์เมน
แชมป์เด เอฟเบ โพคาล ปี 2006

บาเยิร์น มิวนิค
แชมป์บุนเดิสลีกา ฤดูกาล 2007-08, 2009-10
รองแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2009-10
แชมป์เด เอฟเบ-โพคาล ปี 2008, 2010
เดเอฟเบ ลีกา โพคาล ปี 2007
เดเอฟเบ ซุปเปอร์ คัพ ปี 2010

ทีมชาติเยอรมัน
รองแชมป์ฟุตบอลโลก ปี 2002
อันดับ 3 ฟุตบอลโลก ปี 2006, 2010
รองแชมป์ฟุตบอลยูโร ปี 2008
แชมป์ฟุตบอลโลก ปี 2014

ลาซิโอ

โคปา อิตาเลีย ปี 2012-13

credit : https://www.thefamouspeople.com/

images credit : https://www.eurosport.com/

images credit : https://www.n-tv.de/

images credit : https://www.spiegel.de/

images credit : https://www.werder.de/

images credit : https://www.dw.com/

images credit : https://www.beinsports.com/

images credit : https://www.espn.com/

images credit : https://www.skysports.com/

images credit : https://www.bundesliga.com/