แข้งที่กูรูยกย่องเรื่องความขยัน หนึ่งในนักเตะกองกลางดีที่สุดคนหนึ่งของปีศาจแดง

หนึ่งในแข้งดังยุค 90′ ที่ประสบความสำเร็จกับปีศาจแดง “นิคกี้ บัตต์” ชื่อเต็ม นิโคลัส บัตต์ วันเกิด 21 มกราคม 1975 เมือง แมนเชสเตอร์, อังกฤษ เล่นในตำแหน่ง มิดฟิลด์ตัวกลางหรือริมเส้นก็ได้

นิคกี้ บัตต์ เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน จนกระทั่งได้มาประเดิมกับทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 1992-93 โดยเป็นตัวสำรองในเกมที่เอาชนะ โอลด์แฮม แอธเลติก 3-0 ในศึกพรีเมียร์ ลีก เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 1992




แต่ช่วงนั้นเขาก็ยังไม่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมจนกระทั่งถึงฤดูกาล 1994-95 ซึ่งเขามีตำแหน่งเป็นตัวตายตัวแทนของ รอย คีน ในยามที่แข้งรายนี้ได้รับบาดเจ็บหรือติดโทษแบน

ในฤดูกาลดังกล่าวนั้น บัตต์ได้ลงเล่นไปทั้งหมด 35 เกมรวมทุกรายการ ยิงได้ 1 ประตู โดยเขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ต่อเอฟเวอร์ตันด้วย

จากนั้นเมื่อ พอล อินซ์ ได้ย้ายออกจากทีมไปเล่นกับ อินเตอร์ มิลาน ในช่วงปิดฤดูกาลปี 1995 อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ตั้งใจจะให้ บัตต์ลงเล่นแทนในตำแหน่งของ อินซ์ในทันทีซึ่งจะคอยยืนคู่กับ คีน และก็ถือว่า บัตต์ทำหน้าที่ได้ดีอย่างมาก จนเขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ และยิงประตูในนัดสำคัญๆ ได้อย่างสม่ำเสมอ

นิคกี้ บัตต์ ถือเป็นตัวแทนที่สมบูรณ์แบบของ คีนในช่วงที่เขาได้รับบาดเจ็บหนักจนไม่ได้ลงเล่นเป็นเวลานานในฤดูกาล 1997-98 โดยเขาทำหน้าที่เป็นตัวเข้าปะทะบอลในแดนกลาง แต่หลังจากนั้นเมื่อ คีนกลับมา และ พอล สโคลส์ ก็พัฒนาฝีเท้าจนก้าวขึ้นมาแย่งตำแหน่งมิดฟิลด์ของทีม โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงของ บัตต์ก็ลดน้อยลงไปทันที

อย่างไรก็ตาม บัตต์ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ต่อไปแม้เป็นเพียงสำรองของทีมก็ตาม โดยอยู่ในทีมชุดที่คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในปี 1999 ด้วย




ซึ่งในนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ปีดังกล่าว เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแทน คีนที่ถูกแบน จากนั้นเขาก็ค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด จนถึงปี 2004 โดยคว้าแชมป์กับทีมได้มากมาย เป็นแชมป์ลีก 6 สมัย, แชมป์เอฟเอ คัพ 3 สมัย และแชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 สมัย

นิคกี้ บัตต์ ย้ายไปเล่นกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เมื่อเดือนมกราคม 2004 เมื่อไม่ได้สัญญาใหม่จากผีแดง โดย บ็อบบี้ ร็อบสัน เป็นคนเซ็นสัญญาเขาเข้าทีม แต่ บัตต์ก็ยังทำผลงานได้ไม่เข้าตาเท่าไหร่จนถูกปล่อยตัวให้ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ยืมตัวไปเล่นในฤดูกาล 2004-05

โดยฤดูกาลนั้นทีม เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ตกชั้น และ บัตต์ก็ได้กลับมาเล่นให้กับ นิวคาสเซิ่ลภายใต้การคุมทีมของ เกล็นน์ โรเดอร์ อีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนจะใช้งาน บัตต์ได้อย่างรู้ใจจนทำให้เขาเป็นตัวหลักในถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ค

นิคกี้ บัตต์ ได้กลายเป็นกัปตันทีมสาลิกาดงในฤดูกาล 2009-10 ด้วย หลังจากที่กัปตันคนก่อนของทีมอย่าง ไมเคิล โอเว่น ย้ายไปเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างไรก็ตาม กลับกลายเป็น อลัน สมิธ รองกัปตันทีมที่ได้สวมปลอกแขนลงทำหน้าที่บ่อยกว่า บัตต์ที่ได้รับโอกาสลงเล่นไม่มากนัก

ช่วงปลายอาชีพค้าแข้ง บัตต์ย้ายไปเล่นให้กับ เซาธ์ ไชน่า ของฮ่องกง ซึ่งนั่นก็ได้กลายเป็นสโมสรสุดท้ายของเขาก่อนแขวนสตั๊ด จากนั้น บัตต์ก็หันมารับงานโค้ช

ปัจจุบันเจ้าตัวกลับสู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฐานะหัวหน้าโค้ชทีมชุดเยาวชนที่เลื่อนขึ้นมาคุมทีมชุด U-21 แทน วาร์เรน จ๊อยซ์ ได้ไม่นานนี้ พร้อมกับเป้าหมายสร้างเหล่าอสูรสีแดงขึ้นมาเป็นอนาคตของทีมชุดใหญ่ต่อไป ซึ่งในข่ายตอนนี้ที่ทีมมีนักเตะอย่าง มาร์คัส เรดฟอร์ด , เจสซี่ ลินการ์ด , สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ และ ปอล ป๊อกบา ประจำการอยู่แล้ว อีกราย ตีโมตี โฟซู-เมนซาห์ ไปโด่งดังที่บุนเดสลีกา เยอรมัน

อีกทั้ง นิคกี้ บัตต์ เป็นเจ้าของร่วมของทีม ซอลฟอร์ด ซิตี้ ทีมในลีกทู ร่วมกับฟิล เนวิล,แกรี่ เนวิล, พอล สโคลส์, ไรอัน กิกส์ และ เดวิด เบ็คแฮม อีกด้วย


เกียรติประวัติ

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

-พรีเมียร์ลีก : 1995–96, 1996–97, 1998–99, 1999–2000, 2000–01, 2002–03
-เอฟเอคัพ : 1996, 1999, 2004
-เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ : 1994, 1996, 1997, 2003
-ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก : 1999
-ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรปและอเมริกาใต้ : 1999

นิวคาสเซิ่ล

-ฟุตบอลลีกแชมเปียนชิพ : 2009–10
-ยูฟ่า อินเตอร์โตโต้ คัพ : 2006

เซาธ์ ไชน่า

-ฮ่องกง ลีก คัพ : 2010–11

credit : https://arealnews.com/nicky-butt-wiki/

images credit : https://strettynews.com/

images credit : https://www.dailymail.co.uk/

images credit : https://weallfollowunited.com/

images credit : https://www.mirror.co.uk/

images credit : https://rafqazi.wordpress.com/

images credit : https://www.independent.ie/

images credit : https://www.marca.com/

images credit : https://manchesterunitedlatestnews.com/

images credit : http://hkref.blogspot.com/