หนึ่งในกองหน้าชาวฝรั่งเศส ที่ทำสถิติการย้ายทีมค่าตัวรวมสูงสุดในยุค 90′

นิโกล่าส์ อเนลก้า “นิโก้” เป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดรายหนึ่งของ อาร์เซน่อล ยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ เกิด 14 มีนาคม 1979 ที่ แวร์ซาลเลส, ฝรั่งเศส เขาเป็นหนึ่งในนักเตะจอมพเนจรที่ยังคงได้รับการยอมรับในฝีเท้าและสัญชาตญาณการเป็นศูนย์หน้าที่ยอดเยี่ยม ก็คงจะต้องมีชื่อของ “นิโก้” อยู่ในลำดับต้นๆของวงกาลลูกหนังในยุคนั้น(ยุค90′)

อาชีพสายลูกหนังของเขาเริ่มต้นขึ้นเมื่อเข้าร่วมทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง ยักษ์ใหญ่ของแดนน้ำหอม ตั้งแต่ชุดเยาวชน ก่อนจะได้เลื่อนขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่เมื่อปี 1995

และด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นของเขาได้ไปเตะตา อาร์แซน เวนเกอร์ ยอดกุนซือชาวฝรั่งเศส ที่จับเขาเซ็นสัญญากับ อาร์เซน่อล ในเดือนก.พ. 1997 ด้วยวัยเพียง 17 ปี พร้อมกับค่าตัวถึง 500,000 ปอนด์ (ราว 35 ล้านบาท) อันเป็นค่าตัวที่ถือว่าสูงมากสำหรับนักเตะวัยรุ่นในสมัยนั้น โดยเพื่อหวังมาเป็นตัวซัพพอร์ทให้กับกองหน้าอย่าง เดนนิส เบิร์กแคม

อย่างไรก็ตาม การลงทุนของ “ปืนใหญ่” ถือว่าคุ้มค่ามากเมื่อ อเนลก้า กลายเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ทีมคว้าดับเบิลแชมป์ (พรีเมียร์ลีก+เอฟเอ คัพ) มาครองได้ในฤดูกาล 1997-98 ให้กับ ปืนโต ซึ่งผลงานอันน่าประทับใจของเขาก็ทำให้ได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอในซีซั่นถัดมา

อย่างไรก็ตาม การเรียกร้องขอขึ้นค่าเหนื่อยมากเกินกว่าที่ อาร์เซน่อล จะรับไหว ทำให้ “เดอะ กันเนอร์ส” ต้องยอมขายกองหน้าตัวเก่งของพวกเขาให้กับเรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวมหาศาล 23 ล้านปอนด์ (ราว 1,600 ล้านบาท)อย่างเลี่ยงไม่ได้

ชีวิตการค้าแข้งในถิ่น ซานดิอาโก้ เบอร์นาเบว ของ อเนลก้า กลับไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่แฟนบอล ราชันย์ชุดขาว คาดหวัง และแม้ว่าจะคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้ แต่สุดท้ายก็ถูกโล๊ะให้ เปแอชเช อดีตต้นสังกัดเก่าด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์

หลังจากที่อยู่กับ แซงต์ แชร์กแม็ง มา 18 เดือน อเนลก้า ก็ได้หวนกลับสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้งในเดือน ม.ค. 2002 ด้วยสัญญายืมตัวกับ ลิเวอร์พูล และเขาก็สามารถช่วยให้ทีม หงส์แดง จบฤดูกาลด้วยการเป็นอันดับที่ 2 ของตาราง แต่ เชชาร์ อุลลิเย่ร์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ในเวลานั้นกลับไม่ยอมเสนอสัญญาแบบถาวรให้กับเขาและเลือกเซ็นสัญญากับ เอล ฮัดจิ-ดิยุฟ แทน

จากนั้น อเนลก้า ก็เลือกย้ายไปเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติของสโมสร “เรือใบสีฟ้า” เลยทีเดียว โดยเขาเลือกสวมเสื้อหมายเลข 39 อันเป็นเบอร์ประจำตัวของเขาที่เลือกใช้เอง

หัวหอกเลือดน้ำหอม ก็ชีพจรลงเท้าอีกครั้งเมื่อย้ายไปเล่นให้ทีมดังของ ตุรกี อย่าง เฟเนร์บาห์เช่ ด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์ ก่อนจะช่วยให้ต้นสังกัดใหม่คว้าแชมป์ลีกในปี 2005 ก่อนที่จะอกหักพลาดแชมป์ลีกในวันสุดท้ายของฤดูกาล 2005-06 ต่อ กาลาตาซาราย

ปี 2006 โบลตัน ได้ประกาศคว้าตัว อเนลก้า กลายเป็นศูนย์หน้าคนใหม่ของสโมสร และเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีมด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะทำประตูได้อย่างต่อเนื่องให้ “เดอะ ทร็อตเตอร์ส” แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้ทีมทำผลงานดีขึ้นได้ และการจมอยู่ในโซนท้ายตารางก็ทำให้ นิโก้ ตัดสินใจย้ายทีมอีกครั้ง

ต่อมา เชลซี ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาได้เซ็นสัญญากับ อเนลก้า ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2008 และทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวรวมสูงที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลในการย้ายทีมด้วยมูลค่า 87 ล้านปอนด์ (ราว 6,100 ล้านบาท) เริ่มตั้งแต่การย้ายทีมครั้งแรกจนถึงครั้งล่าสุด

อเนลก้า ได้ประเดิมนัดแรกให้กับ “สิงห์บลู” ในเกมที่พบกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในเกมลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ ก่อนจะทำประตูแรกให้ เชลซี ได้ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 ซึ่ง เชลซี คว้าชัยเหนือ วีแกน 2-1 เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2008

บั้นปลายอาชีพค้าแข้งของ อเนลก้า ด้วยการมาของ อังเดร วิลาส โบอาส เป็นกุนซือคนใหม่สิงห์บลู ทำให้โอกาสในการลงสนามของ อเนลก้า ลดน้อยลง ทำให้ช่วงเดือนมกราคมปี 2012เจ้าตัวตัดสินใจย้ายออกจากทีมไปค้าแข้งกับ เซียงไฮ้ เซินหัว ในประเทศจีน และอยู่ได้เพียงปีเดียว ยูเวนตุส จัดการดึงตัวเขามาร่วมทีมแบบฟรี ๆ ใช่วงหน้าหนาวปี 2013

แม้จะคว้าแชมป์ กัลโช เซเรีย อา ร่วมกับ ทัพม้าลาย ในปีนั้น แต่ อเนลก้า ก็แทบไม่มีส่วนร่วมกับทีมเลยเพราะได้แต่นั่งเป็นตัวสำรอง จนกระทั่งในซัมเมอร์ถัดมา เวสต์บรอมวิช ดึงตัวเขากลับสู่แดนผู้ดีอีกครั้ง

แต่ก็อยู่ได้ไม่ครบปีก็ต้องแยกทางกันไปพร้อมฝากผลงานไว้ 2 ประตูกับสโมสร ช่วงบั้นปลายหลังจากไม่มีสังกัดมาพักใหญ่ ปี 2014 เจ้าตัวตัดสินใจเซ็นสัญญากับ มุมไบ ซิตี้ ทีมในลีกประเทศอินเดีย ก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2016

ผลงานในระดับทีมชาตินั้น อเนลก้า มีชื่ออยู่ในทีมชุดชิงแชมป์เยาวชนโลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี เมื่อปี 1997 ก่อนจะประเดิมทีมฝรั่งเศสชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเกมที่เสมอกับ สวีเดน 0-0 เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 1988

การพัฒนาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วทำให้ อเนลก้า กลายเป็นกองหน้าคนสำคัญของทีมตราไก่ และมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ยูโร 2000 มาครองได้สำเร็จ แต่จากการที่เขาหลุดโผฟุตบอลโลก 2006 ก็ทำให้เจ้าตัวโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนขู่ว่าจะหันหลังให้ทีมชาติ

อย่างไรก็ตาม เรย์มงด์ โดเมอเน็ค กุนซือทีมตราไก่ ก็กลับมาเรียกใช้บริการของดาวยิงวัย 28 ปีอีกครั้งในช่วงคัดยูโร 2008 และ เขาก็จะเป็นศูนย์หน้าตัวหลักร่วมกับ เธียร์รี่ อองรี ในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปที่จะมีขึ้นในช่วงซัมเมอร์นี้ด้วย
เกียรติประวัติ
อาร์เซนอล
พรีเมียร์ลีก 1997-98
เอฟเอคัพ 1997-98
แชริตี้ชีลด์ 1998-99
เรอัล มาดริด
ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก 1999-00
ปารีส แซงท์ แชร์แม็ง
อินเตอร์ โตโต้คัพ 2001-02
เฟเนบาเช่
ตุรกีพรีเมียร์ลีก 2004-05
เชลซี
เอฟเอคัพ 2008-09
ทีมชาติฝรั่งเศส
แชมป์ยุโรป 2000
คอนเฟดเดเรชั่นคัพ 2001
รางวัลส่วนตัว
ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือน: 1998(กุมาพันธ์), 2008(พฤศจิกายน)
ติดทีมยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ : 1999, 2009
รองคำทองคำจากบาร์เคล : 2008-09
ผู้เล่นเยาวชนยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ : 1999

images credit : https://footballunites.wordpress.com/

images credit : https://www.planetfootball.com/

images credit : https://www.sportskeeda.com/

images credit : https://liverpoolcore.com/

images credit : https://twitter.com/

images credit : https://www.eurosport.com/

images credit : https://www.transfermarkt.com/

images credit : https://timesofindia.indiatimes.com/

images credit : https://www.mirror.co.uk/