พอล อินซ์ กองกลางเชิงสูงที่เคยค้าแข้งมาแล้วทั้งกับ แมนฯยู และ ลิเวอร์พูล

พอล อินซ์ มีชื่อเต็มว่า พอล เอเมอร์สัน คาร์ไลล์ อินซ์ เกิดที่ อิลฟอร์ด ลอนดอน เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 1967 เขาเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งที่เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ก่อนที่จะย้ายมาสร้างชื่อกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ในปี 1989 ซึ่งนั้นทำให้แฟนๆ ขุนค้อนจงเกลียดจงชังเขาเป็นอย่างมากในตอนนั้น

เขาประเดิมสนามให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมที่เอาชนะมิลล์วอลล์ 5-1 และแม้ว่าในเกมต่อมาต้นสังกัดใหม่ของเขาจะแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยับเยิน 1-5 แต่เขาก็ได้กลายมาเป็นกำลังสำคัญของทีมในแผงกองกลางร่วมกับ ไบรอัน ร็อบสัน มาโดยตลอด

ในฤดูกาลแรกของเขากับทีมปีศาจแดงนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาได้ หลังเอาชนะคริสตัล พาเลซ 1-0 นัดรอบชิงชนะเลิศ นัดรีเพลย์ ที่สนามเวมบลีย์ และ อินซ์ ก็ถูกเลือกให้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้ด้วย

 

จากนั้นอีก 4 ฤดูกาลต่อมา ร็อบสัน ก็อำลาทีมไปเล่นให้กับมิดเดิ้ลสโบชร์ และอินซ์ก็ต้องเล่นในแผงมิดฟิลด์ร่วมกับนักเตะมากหน้าหลายตาทั้ง ไมค์ ฟีแลน, นีล เว็บบ์ และ ดาร์เรน เฟอร์กูสัน ต่อมาในปี 1992 การย้ายเข้ามาของ เอริค คันโตน่า ก็ทำให้ ไบรอัน แม็คแคลร์ ถอยลงมายืนคู่กับอินซ์ ในแดนกลางเป็นส่วนใหญ่ จนกระทั่ง รอย คีน ก้าวเข้ามายังสโมสรในฤดูกาลต่อมา






อินซ์ เขาเป็นตัวหลักในแดนกลางของทีมด้วยการเข้าปะทะที่หนักหน่วง การจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยม และลูกยิงที่หวังผลได้ แม้ว่าเขาเองจะไม่ค่อยเติมขึ้นมายิงได้มากนักก็ตาม หนึ่งในเกมที่ดีที่สุดของเขาก็คือในเดือนมกราคมปี 1994 เมื่อเขายิงคนเดียว 2 ลูกให้ทีมบุกไปเสมอกับทีมเก่าของเขาอย่าง เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ ลีก

ก่อนหน้านั้นเขาก็คว้าแชมป์รายการที่ 2 กับสโมสรมาแล้ว หลังจากที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะบาร์เซโลน่าในนัดชิงชนะเลิศ ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ ที่ร็อตเตอร์ดัมในปี 1991 จากนั้นก็มาคว้าเหรียญแชมป์ที่ 3 คล้องคอได้อีกจากการเอาชนะ “เจ้าป่า”น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในลีก คัพ นัดชิงชนะเลิศ ปี 1992

ที่น่าประทับใจที่สุดคงเป็นการคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ในฤดูกาล 1992-93 ซึ่งถือเป็นการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกของสโมสรในรอบ 26 ปี โดยทีมชุดนั้นมีนักเตะระดับตำนานอย่าง มาร์ค ฮิวจ์ส, เอริค คันโตน่า, ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล, สตีฟ บรู๊ซ และ เดนิส เออร์วิน ร่วมทีมอยู่ด้วย เขายังคงเป็นนักเตะตัวหลักที่ช่วยให้ทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในปีต่อมา

จากนั้นในช่วงซัมเมอร์ปี 1995 ในวัย 28 ปีของ อินซ์ ทาง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ขายเขาไปให้กับ อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัว 7.5 ล้านปอนด์ ท่ามกลางกระแสข่าวความไม่ลงรอยกันระหว่างทั้งคู่ เซอร์ อเล็กซ์ ถึงกับเคยเรียกเขาว่าเป็นคนขี้ขลาด และคนที่ชอบคิดว่าตัวเองเจ๋งกว่าคนอื่น จากนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็หันมาใช้งานดาวรุ่งอย่าง นิคกี้ บัตต์ อย่างเต็มตัวแทน

รวมแล้วการค้าแข้งของอินซ์ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาได้คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ไป 2 สมัย แชมป์เอฟเอ คัพ 2 สมัย กับยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ และลีก คัพ อีกอย่างละสมัย

หลังจากนั้น อินซ์ อยู่กับ อินเตอร์ มิลาน เพียงสองฤดูกาลเท่านั้น ด้วยความที่เจ้าตัวไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเวที เซเรีย อา ได้ดีเท่าไหร่นัก เขาทำประตูให้กับงูใหญ่ได้เพียง 10 ลูกจากการลงสนาม 54 เกมเท่านั้น ทำให้ทางอินเตอร์ ขายต่อมาให้ทาง ลิเวอร์พูล กลับมายังพรีเมียร์ลีก อีกครั้ง ด้วยค่าตัวราว 4 ล้านปอนด์ ในฤดูกาลแรกของ อินซ์ ที่แอนฟิลด์นั้นถือน่าประทับใจเลยทีเดียวเมื่อเขายิงไปได้ถึง 8 ประตูจาก 31 เกมในพรีเมียร์ลีก

อินซ์ ประสานงานในแดนกลางร่วมกับ เจมี่ เร้ดแน็ปป์ และ สตีฟ แม็คมานามาน ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่สโมสรไม่สามารถลุ้นแชมป์ลีกได้อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ในช่วงที่เขาอยู่กับทัพหงส์แดง โดยฤดูกาลแรกของเขาที่แอนฟิลด์จบลงด้วยอันดับที่ 3 ในลีก ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมเก่าของเขาถึง 13 แต้ม อีกทั้งในขณะที่ซีซั่นที่สอง และเป็นซีซั่นสุดท้ายของอินซ์ในถิ่น แอนฟิลด์เขาช่วยให้ทีมจบแค่อันดับที่ 7 อย่างน่าผิดหวัง

ช่วงซัมเมอร์ปี 1999 เชราร์ อุลลิเย่ร์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ในตอนนั้นมองว่า อินซ์ วัย 32 ปี กลายเป็นส่วนเกินของทีมไปแล้ว และในท้ายที่สุดเขาก็ย้ายไป มิดเดิ้ลสโบรห์ ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์เท่านั้นเพื่อหาความท้าทายใหม่ เขาปักหลักอยู่กับ มิดเดิ้ลสโบรห์ ถึง 4 ฤดูกาล แต่ก็ไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ใดๆได้เลย จนกระทั่งย้ายมาอยู่กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ในปี 2002 โดยลงเล่นให้สโมสรแห่งนี้ไป 115 เกม ยิงไปแค่ 10 ประตูเท่านั้น บ่งบอกชัดเจนว่าอยู่ในช่วงปลายอาชีพของเขาแล้ว

ส่วนในระดับทีมชาตินั้น เขาติดทีมชาติอังกฤษครั้งแรกในเกมอุ่นเครื่องที่พบกับสเปนในเดือนกันยายนปี 1992 ทีมสิงโตคำรามแพ้ไป 0-1 แต่ อินซ์ ก็ทำผลงานได้ดี แต่ว่าก็ไม่สามารถพาทีมผ่านเข้ารอบไปเตะฟุตบอลโลก 1994 ได้สำเร็จ




จากนั้นในศึกยูโร 96 อินซ์ ก็ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมชุดที่มี เทอร์รี่ เวนาเบิ้ลส์ กุมบังเหียน และในรายการนั้นทีมชาติอังกฤษก็ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ โดยไปแพ้ด้วยการดวลจุดโทษให้กับเยอรมัน แต่ อินซ์กลับถูกโจมตีอย่างหนักเมื่อเขาปฏิเสธที่จะเป็นคนยิงจุดโทษ และคนที่ยิงแทนเป็น แกเร็ธ เซาธ์เกท และก็ยิงพลาดด้วย จนเป็นที่โจมตีของแฟนบอลไม่น้อย

อินซ์ ได้เล่นในรายการใหญ่ให้กับทีมชาติอีกในฟุตบอลโลก 1998 และยูโร 2000 ซึ่งเขาได้ลงเล่นเป็นนัดที่ 50 ในนามทีมชาติ แต่ทีมสิงโตคำรามกลับแพ้ถึง 2 เกม จากทั้งหมด 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม ทำให้ทีมต้องร่วงตกรอบไป และ อินซ์ ก็ประกาศอำลาทีมชาติหลังจากนั้นในที่สุด ปัจจุบัน อินซ์ รับหน้าที่เป็นผู้บรรยายเกมลูกหนังของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้กับสถานีโทรทัศน์ชื่อดัง

เกียรติประวัติ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ลีก: 1992–93, 1993–94
เอฟเอ คัพ: 1989–90, 1993–94
ฟุตบอลลีกคัพ: 1991–92
เอฟ เอ ชาร์ลิตี้ ชิลด์ : 1990 , 1993, 1994
ยูโรเปียนคัพวินเนอร์สคัพ: 1990–91
ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ : 1991
วูล์ฟแฮมป์ตัน
ฟุตบอลลีก ดิวิชั่น 1 เพลย์ออฟ: 2003

images credit : https://www.claretandhugh.info/

images credit : https://www.dailymail.co.uk/

images credit : https://www.planetfootball.com/

images credit : https://www.mirror.co.uk/

images credit : https://www.manchestereveningnews.co.uk/

images credit : https://www.football365.com/

images credit : https://www.theguardian.com/

images credit : https://www.indosport.com/

images credit : https://bolaterus.com/

images credit : https://www.gazettelive.co.uk/

images credit : https://news.paddypower.com/

images credit :