ฟิลิปป์ ลาห์ม แบ็กจอมบุกร่างเล็ก ตำนานอินทรีเหล็กรวมถึง สโมสร บาเยิร์น มิวนิค

ฟิลิปป์ ลาห์ม แบ็กจอมบุกร่างเล็ก ตำนานอินทรีเหล็กรวมถึง สโมสร บาเยิร์น มิวนิค จนได้รับฉายาว่า “พ่อมดแคระ” เขาเกิดเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 1983 ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมันตะวันตก เริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งก็อยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ตั้งแต่เริ่มแรก ตอนนั้นวัยเพียง 11 ปี เขาเติบโตจากการเป็นนักเตะเยาวชนของ “เสือใต้”

โดยเขาเริ่มเล่นในตำแหน่ง แบ็กซ้าย และเติบโตมาในทีมเยาวชน ลาห์ม ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของบาเยิร์นเป็นครั้งแรกในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่เสมอกับ ลองส์ ไป 3-3 เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2002

ในฤดูกาล 2003-04 บาเยิร์น มิวนิค ตัดสินใจปล่อยตัว ลาห์ม ไปหาประสบการณ์กับ สตุ๊ดการ์ต แบบยืมตัว ในระยะเวลา 2 ฤดูกาล โดยมีสถิติลงสนามทั้งหมด 52 นัด ยิงได้ 2 ประตู ต่อมา ในเดือน กรกฎาคม ปี 2005 แบ็กดาวรุ่ง ก็กลับมายัง ต้นสังกัด บาเยิร์น มิวนิค อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เขาก็เจออาการบาดเจ็บรบกวน จนต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งกินเวลาถึง 5 เดือน กว่าที่ ลาห์ม จะหายกลับมา

ฤดูกาล 2006-07 ลาห์ม ลงเล่นบุนเดสลีกาเต็มทั้ง 34 นัด เพราะเขาทำหน้าที่ในตำแหน่งแบ็คซ้ายได้ดีที่สุดในสโมสร และในวันที่ 20 สิงหาคม 2006 ในนัดที่บุกไปชนะ โบคุ่ม 2-1 เขาก็สามารถยิงประตูแรกให้กับต้นสังกัดได้ ต่อมา ในฤดูกาล 2007-08 บาเยิร์นได้ซื้อตัว มาร์เซลล์ แยนเซ่น แบ็กซ้ายทีมชาติเยอรมันมาร่วมทีม ทำให้ ลาห์ม ถูกโยกไปเป็นแบ็กขวา และช่วงปิดฤดูกาล มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการย้ายทีมของเขาไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า แต่สุดท้าย บาเยิร์น ก็จับเขาต่อสัญญากับทีมได้สำเร็จ

ในฤดูกาล 2008-09 ลาห์ม ทำประตูได้ถึง 3 ประตู จากการลงสนาม 28 นัดในลีก แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถช่วยให้ บาเยิร์น คว้าแชมป์ใดๆ ได้อยู่ดี ทำให้ เจอร์เก้น คลิ้นสมันน์ เทรนเนอร์ของ “เสือใต้” ในตอนนั้น ต้องออกจากตำแหน่งไป ในฤดูกาล 2009-10 ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล โค้ชคนใหม่ ลาห์ม ได้ลงเล่นในตำแหน่งที่เขาชอบ คือ แบ็กขวา ซึ่งเขาทำผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยยิง 1 ประตู และแอสซีสต์ให้เพื่อนทำประตูอีก 12 ครั้ง รวมทุกรายการ






จากการย้ายทีมออกไปของ มาร์ค ฟาน บอมเมล ทำให้ ลาห์ม ได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมของ บาเยิร์น มิวนิค ในฤดูกาล 2010-11 และในวันที่ 12 พฤษภาคม 2012 เขาก็พาทีมเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งพบกับ เชลซี แต่สุดท้ายก็ได้แค่ตำแหน่งรองแชมป์ ต่อมาในฤดูกาล 2012-13 ลาห์ม ก็พาทีมประสบความสำเร็จได้อย่างยิ่งใหญ่ สามารถคว้าได้ถึง 3 แชมป์ คือ แชมป์บุนเดสลีกา เยอรมัน, แชมป์ เดเอฟเบ โพคาล และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

และในฤดูกาล 2013-14 ลาห์ม ได้พบกับความท้าท้ายครั้งใหม่ โดย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือครั้งนั้นจับเขาไปเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ เพราะทีมกำลังมีปัญหาในตำแหน่งนี้เพราะเจ็บทั้งหมด ทั้ง บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ และ ฆาบี้ มาร์ติเนซ จึงทำให้ เป๊ป ตัดสินใจให้ ลาห์ม ประจำตำแหน่งที่ว่านี้ชั่วคราว และเขาก็ไม่ทำให้กุนซือผิดหวังเลยแม้แต่น้อยเพราะทดแทนตำแหน่งนี้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

สำหรับในนามทีมชาติเยอรมัน ลาห์ม ติดทีมชาติตั้งแต่ชุดเยาวชนในรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี, 20 ปี และ 21 ปี จนกระทั่งถึงทีมชาติชุดใหญ่ โดยเขาลงสนามในนามทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรก เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2004 ในนัดที่เอาชนะ โครเอเชีย 2-1 ด้วยวัยเพียง 20 ปี หลังจากนั้น ลาห์ม ก็เป็นกำลังสำคัญให้กับทีมชาติเยอรมันมาโดยตลอดในทุกรายการแข่งขัน เขาลงสนามให้กับทีมชาติไปแล้ว 101 นัด ยิงได้ 5 ประตู และเขาประกาศเลิกเล่นทีมชาติแค่เพียงวัย 30 ปีเท่านั้น เพื่อให้โอกาสกับดาวรุ่งได้เข้ามาแสดงฝีเท้า

ถ้าจะนึกถึงฟูลแบ็กที่เก่งที่สุดในโลก คงจะต้องมีคนเอ่ยชื่อ ฟิลิปป์ ลาห์ม ขึ้นมาเป็นแน่ และหนึ่งในนั้นน่าจะเป็น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เพราะเป็นคนหนึ่งที่เอ่ยปากว่า ลาห์ม เป็นแบ็กที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยร่วมงานมา เพราะด้วยความสามารถที่เขาแสดงออกมาให้กับทุกคนได้เห็นก็เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่ายอดเยี่ยมขนาดไหน ถึงตอนนี้เขาจะต้องพิสูจน์ตัวเองกับทีมในหลายบทบาท แต่ ลาห์ม ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง






ลาห์ม ประกาศแขวนสตั๊ดเร็วจนช็อคแฟนบอลเยอรมันและ เสือใต้ ด้วยวัยเพียง 33 ปีเท่านั้น ในปี 2017 ขณะที่เขายังยืนอยู่บนยอดสุดของความสำเร็จและยังไม่มีทีถ้าว่าจะตกลงมา เขาเลือกตัดสินใจก้าวลงเองโดยที่ไม่ต้องมีใครมาไล่ ในปีสุดท้ายกับ บาเยิร์น มิวนิค ก่อนแขวนสตั๊ด ลาห์ม ก็ยังได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในผู้เล่ยยอดเยี่ยมประจำปีของ บุนเดสลีกา ในปีนั้นอีกด้วย และนี้คือปราการหลังตำนานของเสือใต้และอินทรีเหล็ก เยอรมัน ที่ในยุคนั้นไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขาแน่นอน

เกียรติประวัติ
บาเยิร์น มิวนิค
บุนเดสลีกา: 2005–06, 2007–08, 2009–10, 2012–13, 2013–14, 2014–15, 2015–16, 2016–17
เดเอฟเบ-โพคาล: 2005–06, 2007–08, 2009–10, 2012–13, 2013–14, 2015–16
ดีเอฟแอล-ลีกาโปกัล: 2007
เดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ: 2010, 2012, 2016
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2012–13
ยูฟ่าซูเปอร์คัพ: 2013
ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ: 2013
ทีมชาติเยอรมัน
แชมป์ฟุตบอลโลก: 2014, อันดับสามฟุตบอลโลก : 2006, 2010
รองแชมป์ยูฟ่า ยูโร : 2008, รอบรองชนะเลิศ: 2012

images credit : https://twitter.com/

images credit : https://www.eurosport.de/

images credit : https://www.stuttgarter-zeitung.de/

images credit : https://www.theguardian.com/

images credit : https://thethao.sggp.org.vn/

images credit : https://www.marca.com/

images credit : https://www.the42.ie/

images credit : https://www.india.com/