ตำนานนักเตะที่ได้รับ ฉายาว่า “ปีกพ่อมดแห่งไฮบิวรี่” หนึ่งในนักเตะชุดไร้พ่ายอาร์เซน่อล

ตำนานปีกทักษะสูงอีกหนึ่งคนของ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ชื่อว่า โรแบร์ ปิแรส ที่เขาอยู่ในทีมชุดไร้พ่ายพรีเมียร์ลีก ในปีฤดูกาล 2003-2004 มาแล้วด้วย ปิแรส มีชื่อเต็มว่า โรแบร์ แอมานูแอล ปิแรส เกิดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1973 เมืองแร็งส์ในประเทศ ฝรั่งเศส ได้รับฉายาว่า “ปีกพ่อมด”
โรแบร์ ปิแรส โดยปกติเขาเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย แต่สามารถเล่นตำแหน่งกองกลางได้ทุกตำแหน่ง ถือเป็นหนึ่งในแข้งพรสวรรค์สาระพัดประโยชน์เลยทีเดียว

โรแบร์ ปิแรส เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ เม็ตซ์ ทีมในฝรั่งเศส ในปี 1993 และช่วยให้ทีมได้แชมป์เฟรนซ์ลีกคัพ พร้อมรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของลีกเอิง 1995-1996 และ ปิแรส ยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นชุดแชมป์โลก 1998 จนยักษ์ใหญ่ของลีก เอิง อย่าง โอลิมปิก มาร์กเซย คว้าตัวเค้าไปครอง

และในถิ่นสตาดเวลอดรอม ปิแรส ยังคงโชว์ฝีเท้าได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการพา โอลิมปิก มาร์กเซย เข้าถึงรอบชิง ยูฟ่า คัพ ก่อนที่จะพาทีมชาติ ฝรั่งเศสคว้าแชมป์ยูโร 2000 มาแล้วด้วย ซึ่งกับ มาร์กเซย์ ช่วงสั้นๆปี 1998-2000 ปิแรส ยิงไป 8 ประตูจาก 66 เกมส์ลีก

แต่ที่ในถิ่นสตาดเวลอดรอม เค้ากลับมีปัญหากับการโดนเหยียดเชื้อชาติ ทำให้ มาร์กเซย ต้องยอมขายเค้าออกไปในปี 2000 และก็เป็น อาร์เซน่อล ที่กำลังมองหาตัวแทนของ มาร์ค โอเวอร์มาร์ส ที่เพิ่งย้ายไป บาร์เซโลน่า

โดยกับ อาร์เซนอล ปิแรส คือ ตํานานอย่างแท้จริง “ปีกพ่อมด”มีส่วนสําคัญต่อทีมอย่างมาก เป็นตัวหลักที่ทีมจะขาดไปไม่ได้เลย ภายใต้ขมุกกบาลของ อาร์เซน เวนเกอร์ และเหล่านักเตะอัจฉริยะมากมายทั้ง เธียรี่ อองรี เดนิส เบิร์แคมป์ พาทริค วิเอร่า เฟ็ดดี้ ลุงเบิก ไหนจะตัวสํารองระดับเทพอย่าง เอ็นวิโก้ คานู และ ซิลแว็ง วิคตอร์

แต่ฤดูกาลแรกกับ “ไอ้ปืนใหญ่”อาร์เซน่อล ปิแรส ปรับตัวเข้ากับสไตล์การเล่นที่รุนแรงของฟุตบอลอังกฤษไม่ได้เลย เจ้าตัวเคยถึงกับเอ่ยว่า “ไม่น่าย้ายมาที่นี่เลย” แต่ก็เป็น อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือของปืนใหญ่ที่คอยหนุนหลังเค้า จนค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับทีมขึ้นเรื่อยๆ จนพาไอ้ปืนใหญ่ คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ในฤดูกาล 2001/2002 และแชมป์ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาล 2002/2003

ก่อนจะพา อาร์เซน่อล สร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการไร้พ่ายถึง 49 นัด ในปี 2003-2004 จากสไตล์การเล่นที่เรียกได้ว่ามหัศจรรย์ จนมีชื่อติดในทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ถึง 3 ปีซ้อน

ในฤดกาล 2004-2005 อาร์เซน่อล ออกสตาร์ท ฤดูกาลได้อย่างน่าประทับใจก่อนจะหยุดสถิติไร้พ่ายเมื่อโดน ฮาเวิด เว็บ ผู้ตัดสินจอมฉาว ปล้นชัยชนะไปให้กับ แมนยูไนเต็ด ถึงอย่างไรก็ตามในฤดูกาลนี้ อาร์เซน่อล สามารถคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ได้สําเร็จด้วยชัยชนะในการดวลจุดโทษในนัดชิงเหนือ แมนยูไนเต็ด ได้สําเร็จ

แต่แล้วเวลาของ ปิแรส กับ อาร์เซน่อล ก็ดูเหมือนจะมาถึงทางตัน จากการมาของ อเล็กซานเดอร์ ฮเล็บ กองกลางชาวเบลารุส ในตำแหน่งเดียวกันกับ ปิแรส ที่เริ่มอยู่ในช่วงขาลง จน ปิแรส ต้องยอมเก็บข้าวของออกจากรั้วปืนใหญ่มายัง “เยลโล่ ซัพมารีน” บียาร์รีล ทีมจาก ลาลีกาในปี 2006

และที่นี่ ปิแรส ก็ระเบิดฟอร์มเทพอีกครั้ง ด้วยการพา บียาร์รีล จบอันดับที่ 2 ของลาลีกา สเปน ในฤดูกาล 2007-2008 ถือว่าเป็นอันดับที่ดีที่สุดของสโมสรตั้งแต่ก่อตั้งมา

กาลเวลาก็ทำให้สภาพร่างกายของจอมทัพชาวฝรั่งเศสโรยรามากขึ้น กระทั่งปี 2010 ปิแรส ต้องย้ายทีมอีกหนหลังจากหมดสัญญา และเค้าก็ได้กลับมาพรีเมียร์ ลีก อีกครั้ง โดยเป็น “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า ที่ถิ่นวิลล่า ปาร์ค แต่ ปิแรส ก็ไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก เพราะเข้ามาเป็นเพียงแค่ตัวซัพพอร์ทของทีมเท่านั้น พอจบฤดูกาล 2010-2011 ปิแรส ก็กลายเป็นนักเตะฟรีฟรีเอเย่นต์

จนในปี 2014 เค้าก็ได้เซ็นสัญญา กับสโมสร โกอา ทีมในลีกอินเดีย แต่เวลาของเค้ากับโลกฟุตบอลดูเหมือนกำลังจะจบลง ปิแรส มีอาการบาดเจ็บออดๆแอดๆรบกวนเรื่อยมา จนเขาต้องโบกมือลาสโมสร โกอา ในปี 2015 และตัดสินใจแขวนสตั๊ดไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2016 ด้วยวัย 42 ปีเพราะปัญหาบาดเจ็บเรื้อรัง

ในนามทีมชาติ ปิแรส ติดทีมชาติฝรั้งเศสมาตั้งแต่ปี 1996 จนถึง ปี 2004 โดย ปิแรส ลงสนามรับใช้ทีมตราไก่ไป 79 นัดยิงไป 14 ประตู และเป็นหนึ่งในนักเตะชุดแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1998 และ ยูโรปี 2000 ความสำเร็จในสีเสื้อทีมชาติฝรั่งเศสนั้น ปิแรส ลงเล่นไปทั้งหมดให้ตราไก่ 79 นัด 14 ประตู 1 แชมป์ฟุตบอลโลก 1 แชมป์ยูโร 2 แชมป์คอนเฟ็ดเดอเรชั่นคัพ คือผลงานที่น่าประทับใจ ปิแรส ทําไว้กับทีมชาติฝรั่งเศส

เกียรติประวัติ
เม็ตซ์
คูป เดอ ลา ลีก 1995-1996
อาร์เซน่อล
พรีเมียร์ลีก : 2001–02, 2003–04
เอฟเอ คัพ : 2002–03, 2004–05
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรองชนะเลิศ : 2005–06
บียาร์เรอัล
รองแชมป์ ลาลีกา : 2007-2008
ทีมชาติฝรั่งเศส
ฟุตบอลโลก : 1998
ยูฟ่ายูโร : 2000
ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ : 2001, 2003

credit : https://sportmob.com/

images credit : https://sportmob.com/

images credit : https://www.coeurmarseillais.fr/

images credit : https://www.skysports.com/

images credit : https://www.dailystar.co.uk/

images credit : https://headbandsandheartbreak.wordpress.com/

images credit : https://talksport.com/

images credit : https://www.fourfourtwo.com/

images credit : https://footballshirtcollective.com/