หนึ่งในกองหน้าเท้าซ้ายแข้งทองของ อาร์เซน่อล และ แมนฯยูไนเต็ด

โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ อดีตกองหน้า”ฉายา ฟลายอิ้งดัทซ์แมน RVP”เป็นชาวฮอลแลนด์ เกิดวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1983 เมือง ร็อตเธอร์ดัม ส่วนสูง 183 เซ็นติเมตร ฟาน เพอร์ซี่ ได้เริ่มเล่นฟุตบอลกับเอส.เบ.เฟ. เอกแซ็ลซิเออร์ หนึ่งในทีมฮอลแลนด์ที่มีชื่อเสียงระดับปานกลาง โดยเป็นนักเตะ เยาวชนของสโมสร เมื่อปี ค.ศ. 2001 ในวัย 14 ปี

จากนั้นผ่านไปสองปี ก็ได้เซ็นสัญญา กับสโมสรฟุตบอล เฟเยนูร์ด สโมสรดังประจำบ้านเกิดของเขาเมื่อปี ค.ศ. 2002 ทำให้ ฟาน เพอร์ซี่ มี โอกาสได้สัมผัสถ้วยแชมป์ยูฟ่าคัพ 2002 อีกด้วย ทำให้เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น แถมในฤดูกาลนั้นเขายังได้รับรางวัล ดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ เนเธอร์แลนด์อีกด้วย

เนื่องจากเป็น นักเตะอายุยังน้อยที่มีพรสวรรค์ แต่กลับมีปัญหาในเรื่องระเบียบวินัยและทัศนคติที่แย่พอสมควร จนผู้จัดการทีมที่เริ่มทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของเขา ถึงขั้นต้องการให้เขาย้ายออกจากสโมสรไป แม้เขาจะทำผลงานได้ดีกับสโมสรด้วยการ ยิง 21 ประตู กับอีก 8 แอสซิสต์ ให้กับ เฟเยนูร์ด ตลอดสองฤดูกาลก็ตาม

ต่อมาหน้าร้อนในปี 2004 เฟเยนูร์ด ขาย ฟาน เพอร์ซี่ ให้กับ อาร์เซน่อล ทีมดังพรีเมียร์ลีก หวังนำไปแทน เดนนิส เบิร์กแคม ด้วยค่าตัว 2.75 ล้านปอนด์ และอาร์แซน เวงเกอร์ ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อลในขณะนั้นยังมั่นใจด้วยว่าจะสามารถปั้นให้เก่งอย่าง เบิร์กแคม ได้อย่างแน่นอน

แต่ด้วยอายุยังน้อย แถมทีมในขณะนั้นยังมีตัวจริงอย่าง เธียร์รี่ อองรี ประจำการอยู่จึงทำให้ ฟาน เพอร์ซี่ เป็นได้แค่ตัวสำรองเท่านั้นเอง จนมีอยู่ช่วงหนึ่ง อองรี มีอาการบาดเจ็บบ่อยครั้งจนทำให้เขาได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องในพักใหญ่ๆเลยทีเดียว และทำผลงานออกมาได้น่าประทับใจของกุนซือไม่น้อย




ในฤดูกาลแรก ฟาน เพอร์ซี่ มีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ และ คอมมินิวตี้ชิลล์ มาครองได้สำเร็จ และในฤดูกาลต่อจากนั้นมา เขาก็ได้รับเลือกในการลงสนามมากขึ้น และยิงไปถึง 8 ประตูในการลงสนาม 8 นัด ทำให้ อาร์แซน เวงเกอร์ ไม่รีรอที่จะเพิ่มสัญญาฉบับใหม่เข้าไปอีก

ในฤดูกาล 2007-08 ฟาน เพอร์ซี่ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมอย่างเต็มตัว นั่นเป็นเพราะ อองรี กองหน้าตัวเก่งต้องการย้ายทีมไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า อย่างไรก็ตามหลังจากเขาได้รับเลือกเป็นนักเตะตัวหลัก แต่ก็ไม่สามารถช่วยทีมได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เป็นเพราะว่า ฟาน เพอร์ซี่ มีปัญหาบาดเจ็บรบกวนออดๆแอดๆ

แต่มาในปี 2011-12 ฟาน เพอร์ซี่ สลัดอาการเดี้ยงหายสนิทเขาก็กลับมาเปรี้ยงปร้างอีกครั้ง ด้วยการทำไป 37 ประตู ในการลงสนาม 48 นัดรวมทุกรายการ พร้อมคว้าราวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้นทันที

แม้ว่า ฟาน เพอร์ซี่ ส่วนตัวจะทำผลงานได้ค่อนข้างดี แต่ในแง่ของอาชีพนั้น เขากลับล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะต้นสังกัด อาร์เซน่อล ไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้เลย ทำให้ ฟาน เพอร์ซี่ เลือกที่จะไม่ต่อสัญญา และต้องการหาความท้าทายใหม่กับทีมที่มีโอกาสลุ้นแชมป์มาประดับให้แก่ตนเองได้ ตลอด 8 ปีกับอาร์เซน่อล ฟาน เพอร์ซี่ ลงเล่นให้ทีมไปทั้งหมด 194 นัด ยิง 96 ประตู

และในเดือน สิงหาคม ปี 2012 ฟาน เพอร์ซี่ หักอกแฟนปืนด้วยการโยกไปซบกับคู่แข่งตลอดกาลอย่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นที่หมายต่อไปในอาชีพค้าแข้ง ด้วยค่าตัวในตอนนั้น 24 ล้านปอนด์

ในฤดูกาลแรกกับปีศาจแดง ฟาน เพอร์ซี่ ในวัย 29 ปีก็ทำฟอร์มร้อนแรงด้วยการพาผีแดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จ เป็นสมัยที่ 20 ของสโมสรมาครองได้อย่างชื่นมื่น กับผลงาน 30 ประตู และเป็นการส่งท้ายกับการคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนถ่ายกุนซือตำนานผีแดงไปหลังจบฤดูกาลนี้อีกด้วย




แม้การเปลี่ยนถ่ายกุนซือมาเป็น เดวิด มอยส์ ฟาน เพอร์ซี่ ก็ยังทำผลงานให้กับปีศาจแดงได้ดีอย่างต่อเนื่อง จนอายุอานามมากขึ้น เขาได้อำลาถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ย้ายไปเล่นยังลีก ตุรกี ให้กับ เฟเนบาร์เช่ ในปี 2015 ด้วยสัญญา 3 ฤดูกาล กับค่าตัวราว 4 ล้านปอนด์

ในปี 2018 กับสัญญาที่เหลืออยู่อีกไม่กี่เดือน เขายกเลิกสัญญาที่เหลือกับ เฟเนบาร์เช่ เพื่อกลับมาค้าแข้งกับต้นสังกัดเก่าในบ้านเกิดช่วงปลายอาชีพกับ เฟเยนูร์ด อีกครั้ง และเขาก็สามารถพาทีมเก่าเถลิงแชมป์ลีกดัตซ์ได้อีกด้วยก่อนที่เขาจะแขวนสตั๊ดไปหลังจากจบฤดูกาลนั้น ในวัย 35 ปี ยุติอาชีพค้าแข้งเส้นทางลูกหนังกว่า 20 ปีของตัวเองไป

ส่วนในสีเสื้อทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ ฟาน เพอร์ซี่ โดยเฉพาะปี 2010 เขาเป็นส่วนหนึ่งในการพาเนเธอร์แลนด์ เข้าไปชิงดำกับ สเปน ในฟุตบอลโลก แต่ก็ได้แค่รองแชมป์ในครั้งนั้น

ในอีก 4 ปีต่อมา ฟาน เพอร์ซี่ ก็ยังเป็นตัวหลักให้กับทัพอัศวินสีส้มแต่ก็ทำได้แค่จบอันดับสามเท่านั้น โดย เพอร์ซี่ ลงในนามทีมชาติไปมากกว่า 100 นัด ยิง 50 ประตู แต่ไม่เคยพาทีมชาติคว้าแชมป์ใดๆได้เลย อีกทั้งในศึกยูโร 2016 เขาไม่สามารถพาทีมผ่านเข้ารอบสุดท้ายเข้าไปได้ ทำให้ ฟาน เพอร์ซี่ ประกาศลาทีมชาติไปในที่สุด




เกียรติประวัติ
เฟเยนูร์ด
ยูฟ่าคัพ: 2001–02
KNVB คัพ: 2017–18 รองชนะเลิศ: 2002–03
โยฮัน ครัฟฟ์ ชิลด์: 2018
อาร์เซน่อล
เอฟเอ คัพ: 2004–05
เอฟเอ คอมมิวนิตี้ ชิลด์: 2004
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรองชนะเลิศ: 2005–06
ฟุตบอลลีกคัพ รองชนะเลิศ: 2010–11
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ลีก: 2012–13
เอฟเอ คอมมิวนิตี้ ชิลด์: 2013
เฟเนบาร์เช่
รองแชมป์ตุรกีคัพ: 2015–16
ทีมชาติเนเธอร์แลนด์
รองแชมป์ฟุตบอลโลก: 2010 อันดับสาม: 2014

images credit : https://www.firstpost.com/

images credit : https://www.nu.nl/

images credit : https://www.givemesport.com/

images credit : https://www.arsenal.com/

images credit : https://www.bolasport.com/

images credit : https://www.arsenalpics.com/

images credit : https://www.uefa.com/

images credit : https://www.manchestereveningnews.co.uk/

images credit : https://www.goal.com/

images credit : https://www.mirror.co.uk/

images credit : https://www.futbolmedya.com/

images credit : https://news.cgtn.com/

images credit : https://sportslibro.com/