ตำนานปีกตัวจี้ดของหงส์แดงฉายา”ปีกกระดูกยุง” ที่ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยอยากได้ตัวมาแล้ว

สตีฟ แม็คมานามาน ชื่อเต็มว่า สตีเว่น สตีฟ แม็คมานามาน “แม็คก้า” เกิดที่ บูเทิ่ล, ลิเวอร์พูล อังกฤษ ปี 1972 สตีฟ แม็คมานามาน ที่เคยได้รับฉายาว่า “ปีกกระดูกยุง” ซึ่งจริงๆแล้วเป็นอดีตเด็กที่เชียร์ทีม “ทอฟฟี่” เอฟเวอร์ตันมาก่อน และยังได้สานฝันของตัวเองด้วยการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชนของ “ทอฟฟี่” เมื่ออายุได้ 7 ขวบ และอยู่ที่นี่ถึง 7 ปีเต็ม

แต่หลังจากหมดสัญญาทาง เอฟเวอร์ตันก็ปล่อยตัวออกไป อย่างไรก็ตาม แม็คมานามาน มาอยู่ต่อที่อคาเดมี่ของ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่อายุ 14 ปี และก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1990 (หลังจากที่เค้าอายุครบ 17 ปีได้ 8 วันเท่านั้น)

แม็คมานามาน ทำประตูแรกในสีเสื้อของ ลิเวอร์พูล ได้เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 1990 ในเกมลีกที่พบกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่สนามแอนฟิลด์ ซึ่ง ลิเวอร์พูลชนะไป 2-0 โดย แม็คมานามาน ทำประตูได้ในนาทีที่ 75 ส่วนอีกประตูได้จาก ดีน ซอนเดอร์ส ในนาทีที่ 82 ซึ่งเป็นลูกที่จุดโทษ

แม็คมานามาน เริ่มได้ลงเล่นแบบเต็มฤดูกาลจริงๆจังๆก็เมื่อฤดูดาล 1991-92 ซึ่งเป็นปีที่เค้าเริ่มฉายแสงเป็นนักเตะตัวทำเกมให้ ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริง และก็เป็นหนึ่งในนักเตะ ลิเวอร์พูล ชุดที่คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จในปี 1992 ที่สนาม เวมบลีย์

แม็คมานามาน เป็นนักเตะดาวรุ่งที่พุ่งขึ้นมาในยุคเดียวกับ ไรอัน กิ๊กส์ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ในปี 1995 แม็คมานามาน เป็นคนยิง 2 ประตูในชัยชนะเหนือโ บลตัน วันเดอเรอร์ส 2-1 ในรอบชิง ลีก คัพ ซึ่งเกมนั้นเค้าได้รับเลือกให้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์อีกด้วย

ในปี 1997 แม็คมานามาน ตกเป็นข่าวในเรื่องการย้ายทีมเพราะมีทั้ง บาร์เซโลน่า และยูเวนตุส ที่พร้อมจะซื้อตัวเขาไปร่วมทีมในราคา 12.5 ล้านปอนด์ แต่ลิเวอร์พูล ปฏิเสธข้อเสนอของทั้งสองทีมไป ก่อนที่ แม็คมานามาน จะย้ายไปแบบไม่มีค่าตัวไปร่วมทีมรีล มาดริดด้วยกฏบอสแมนในปี 1999

แม็คมานามาน ถือว่าเป็นนักเตะพรสวรรค์สูงคนหนึ่งโดย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือแมนฯยู เคยออกปากชมว่า “ถ้าเป็นไปได้ผมอยากซื้อเขามาร่วมทีม แต่ก็รู้ดีว่า ลิเวอร์พูล คงไม่ขายนักเตะแบบเขาให้เราหรอก” ก่อนเกมที่ลิเวอร์พูลจะพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพปี 1996

ปี 1998 กับการก้าวเข้ามาของ เชรา อุลลิเยร์ กุนซือคนใหม่ของทีม มันทำเขาต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่ายังเป็นกองกลางที่ดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล อยู่ แม้ว่าเขาจะได้คำแนะนำจากพอล แกสคอยน์, พอล อินซ์ และคริส วอดเดิล ว่าควรย้ายไปหาประสบการณ์ใหม่ๆในต่างแดนเพื่อที่จะพัฒนาความสามารถที่มีอยู่ให้เพิ่มมากขึ้น แต่แม็คมานามานเลือกที่จะปักหลักในถิ่นแอนฟิลด์ต่อไป

เมื่อปี 2004 ลิเวอร์พูล ต้องการที่จะขาย แม็คมานามาน ออกจากทีมไปเมื่อยังมีราคา มันจึงทำให้เขาคิดว่า ลิเวอร์พูล เริ่มที่จะไม่จริงใจกับเขาแล้วทั้งๆที่ตลอดมาเขาทุ่มเทให้กับสโมสรแห่งนี้แบบเต็มร้อยตลอด และทำให้เขาแก้แค้นลิเวอร์พูล กลับโดยการเตะถ่วงเรื่องการต่อสัญญาไปเรื่อยๆจนหมดสัญญากับ ลิเวอร์พูล

และย้ายออกจากทีมแบบไม่มีค่าตัวเขาย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด จนทำให้แฟนบอล ลิเวอร์พูล ประนามว่าเป็น “คนทรยศ” ซึ่ง แม็คมานามาน ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูลทั้งหมด 364 เกม ทำได้ 66 ประตู

แม็คมานามาน ย้ายมาร่วมทีม เรอัล มาดริดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1999 ในยุคของ กุส ฮิดดิงก์ เป็นผู้จัดการทีม และ ลอเรนโซ ซานซ์ เป็นประธานสโมสร ที่ มาดริด แม็คมานามาน เป็นนักเตะอังกฤษคนที่สองที่ทีม เรอัล มาดริดเซ็นสัญญามาร่วมทีม โดยนักเตะอังกฤษคนแรกที่ได้ย้ายมาเล่นให้ มาดริด คือ แกรี ลินิเกอร์ ที่ย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน มาเล่นให้ บาร์เซโลน่าในปี 1986

แม็คมานามาน ลงเล่นให้ เรอัล มาดริดเกมแรกเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 1999 ในเกมลาลีกา ที่ มาดริดชนะ เรอัล มายอร์กาไป 2-1 หลังจากนั้น 1 สัปดาห์แม็คมานามาน ได้ลงเล่นในสนาม ซานติอาโก เบอร์นาบิว เป็นครั้งแรกในเกมที่ เรอัล มาดริดชนะนูมานเซีย 4-1

แม็คมานามาน เป็นนักเตะที่อยู่ในชุดแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกเมื่อปี 2000 ซึ่ง เรอัล มาดริดเอาชนะ บาเลนเซียไปได้ 3-0 โดยในเกมนั้น แม็คมานามาน สามารถทำได้ 1 ประตูอีกด้วย และเป็นถ้วยรางวัลในระดับยุโรปใบแรกสำหรับแม็คมานามานด้วย ที่สำคัญเค้าเป็นนักเตะอังกฤษคนแรกที่ได้แชมป์รายการนี้กับสโมสรต่างแดน

แต่การย้ายมาร่วมทีม เรอัล มาดริด แม็คมานามาน ก็ไม่ได้ลงสนามเท่าที่ควร และโชว์ฟอร์มได้ไม่ดีเหมือนสมัยที่เล่นให้กับ ลิเวอร์พูลจนมีข่าวว่าสโมสรจะโล๊ะปล่อยตัวออกไปโดยมี มิดเดิลสโบรช ที่พร้อมอ้าแขนรับกลับไปยังอังกฤษอีกครั้ง แต่เป็น แม็คมานามาน เองที่ปฏิเสธไม่ยอมย้ายไป

จากการสร้างทีมชุดใหม่ในการมาถึงของ หลุยส์ ฟิโกและซีเนอดีน ซีดาน ก็ยิ่งทำให้โอกาสที่ แม็คมานามานจะได้ลงสนามก็ยิ่งมีน้อยลงไปอีกเรื่อยๆ

แม้จะได้ลงสนามในฐานะตัวสำรองมากกว่าตัวจริง แต่ แม็คมานามานก็ยังถูกแฟนบอลโหวตให้ป็นนักเตะสำรองที่แฟนบอลชื่นชอบมากที่สุดในปี 2001 ในช่วงปี 2001 ฟลอเรนติโน โลเปซ ซึ่งเป็นประธานสโมสร เรอัล มาดริดคนใหม่ได้บอกกับแม็คมานามานว่า “คุณเป็นนักเตะที่ดีแต่ตอนนี้คุณสามารถย้ายทีมได้โดยไม่มีเงื่อนไขเพราะคุณไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของเราอีกต่อไปแล้ว” ทำให้เค้ารู้ดีว่าอนาคตในถิ่นซานติอาโก เบอร์นาบิวคงหมดแล้วแน่ๆ

ในปี 2002 เป็นอีกครั้งที่ เรอัล มาดริด ได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกโดยสามารถเอาชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ไปได้ 2-1 โดยได้ประตูชัยจาก ซีเนอดีน ซีดาน ที่สนามแฮมป์เดน ปาร์ค, กลาสโกว์ โดยเกมนี้ แม็คมานามาน ถูกส่งลงไปแทน ฟิโก้ ในนาทีที่ 61 และนี่ก็เป็นการได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกครั้งที่ 2 ในชีวิตค้าแข้งของเขา แม้ตลอดทั้งฤดูกาลนั้น แม็คมานามาน จะแทบไม่ได้ลงเล่นให้ มาดริด เลยก็ตาม

จากการที่ มาดริดเซ็นต์สัญญาคว้าตัว เดวิด เบคแคม ไปร่วมทีมในปี 2003 ทำให้ แม็คมานามาน รู้ดีว่าแม้แต่ตัวสำรองก็คงจะเป็นเรื่องยากแล้ว เขาจึงตัดสินใจย้ายกลับมา พรีเมียร์ลีก อีกครั้งโดยเซ็นต์สัญญากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในยุคของ เควิน คีแกน เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2003

โดยขณะนั้นในทีมมีนักเตะที่เขาสนิทด้วยหลายคนไม่ว่าจะเป็น ร็อบบี ฟาวเลอร์, เดวิด เจมส์, นิโกล่าส์ อเนลก้า และเดวิด ซีแมน ในช่วง 2 ฤดูกาลที่อยู่กับ เรือใบ เขาลงสนามบ้างประปราย นั่งเป็นสำรองของทีมเป็นหลักเหมือนอยู่ที่ มาดริด นั่นเป็นเพราะอาการบาดเจ็บรบกวนเขาอยู่ตลอดเวลา หลังจากหมดสัญญากับ แมนฯซิตี้ แม็คมานามาน ตัดสินใจแขวนสตั๊ดไปในที่สุด เพราะปัญหาบาดเจ็บเรื้อรังในปี 2005 ลงเล่นให้กับ แมนฯซิตี้ 35 นัดเท่านั้น

เกียรติประวัติ
ลิเวอร์พูล
แชมป์ เอฟ เอ คัพ : 1991–92
แชมป์ ลีก คัพ : 1994–95
เรอัล มาดริด
แชมป์ ลาลีกา สเปน : 2000–01, 2002–03
แชมป์ ซูเปอร์โกปาเดเอสปัญญา : 2001
แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก : 1999–2000, 2001–02
แชมป์ ยูฟ่า ซุเปอร์คัพ : 2002
ส่วนตัว
-รางวัลแอลัน ฮาร์เดเกอร์ (นักเตะยอดเยี่ยมอีเอฟแอล คัพ) 1995
-ทีมยอดเยี่ยม พีเอฟเอ 1996–97
-นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของ พรีเมียร์ลีก (ธันวาคม) 1997

credit : https://www.liverpoolfc.com/

images credit : https://www.theguardian.com/

images credit : https://www.liverpoolecho.co.uk/

images credit : https://www.thisisanfield.com/

images credit : https://liverpooloffside.sbnation.com/

images credit : https://www.marca.com/

images credit : https://www.fourfourtwo.com/

images credit : https://www.planetfootball.com/

images credit : https://www.planetfootball.com/