หนึ่งในตำนาน อาร์เซน่อล เจ้าของรางวัลเกียรติยศอย่างมากมายในอาชีพค้าแข้ง”เธียรี่ อองรี”

อีกหนึ่งสุดยอดแห่งตำนานลูกหนัง มีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนในประวัติศาสตร์ที่สามารถทำได้ และนั่นเป็นเหตุผลที่หลายคนคิดว่า อองรี เป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พรีเมียร์ลีกเคยมีมา เธียรี่ อองรี เกิด 17 สิงหาคม ค.ศ. 1977 (ปัจจุบัน 44 ปี ) อองรี เกิดที่เมือง เลซูว์ลิส เมืองของปารีส เขาเล่นให้กับทีมท้องถิ่น เป็นเด็กหนุ่มที่มีความมั่นใจในฐานะดาวยิงประตู อองรี ได้เข้าร่วมกับทีมแรกคือ เดอแวร์ซาย สโมสรกึ่งอาชีพของฝรั่งเศส หลังจากเขาทำผลงานได้น่าตื่นตาตื่นใจจนแมวมองของ โมนาโก ทีมดังลีก เอิง เห็นแววจึงดึงตัวมาอยู่กับทีม ในปี ค.ศ. 1990 และได้เซ็นสัญญาโดยทันที แต่ยังอยู่ในชุดทีมสำรองของสโมสร

เขาได้ลงแข่งในฐานะนักฟุตบอลอาชีพชุดใหญ่ในปี ค.ศ. 1994 อองรี จะเล่นเป็นกองหน้าจนกระทั่งเขาอายุ 17 ปี เขาถูกเปลี่ยนมาเป็นปีกซ้ายให้กับ โมนาโก จนปี 1997 อองรี พาโมนาโกคว้าแชมป์ลีก เอิง ได้สำเร็จ เขามีฟอร์มการเล่นที่ดีจนทำให้ติดทีมชาติในปี ค.ศ. 1998 และอองรี ก็ประสบความสำเร็จกับ โมนาโก อย่างมากมายจนกระทั่งเขาหมดสัญญาและถูกดึงตัวมาร่วมทัพกับทาง ยูเวนตุส ทีมดังอิตาลี แต่ก็ผิดหวังไปในการเล่นตำแหน่งปีกกับยูเวนตุส ก่อนที่เขาจะเซ็นสัญญาต่อมายัง อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์ ในปี ค.ศ. 1999

ตอนนั้นเป็น อาแซน เวงเกอร์ ที่คุมทีมอยู่ และ เวงเกอร์ ได้ปรับเปลี่ยนให้ อองรี กลับมาเล่นในฐานะกองหน้าตัวเป้าอีกครั้ง ในไม่ช้ากองหน้าชาวฝรั่งเศสก็แสดงความสามารถที่แท้จริงของเขาออกมาอย่างต่อเนื่อง และดีขึ้นมาเรื่อยๆ ด้วยทักษะอันช่ำชองเลี้ยงบอลติดเท้า, ความเร็ว และการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม ทำให้เขากลายเป็นดาวยิงที่น่ากลัวอย่างยิ่งต่อกองหลังหลายๆทีมในพรีเมียร์ลีก ที่ล้วนมีแต่เสียงเดียวว่าเป็นกองหน้าที่กองหลังของทุกทีมที่ไม่อยากเผชิญหน้าด้วยมากที่สุดคนหนึ่งของวงกาลในตอนนั้นเลยทีเดียว อองรี่ เป็นกองหน้าที่ฉลาด ไม่ยิงประตูหากไม่แน่ใจ เขาจะหลบกองหลังของคู่แข่งจนโล่งแล้วแปง่ายๆเข้าประตูไป

ในแปดฤดูกาลกับอาร์เซนอล เขาทำสถิติสโมสรได้ 174 ประตู และทีมคว้าแชมป์ลีก 2 สมัย (2002, 2004) และถ้วยรางวัลต่างๆนาๆมาอย่างมากมายที่อยู่ที่นี่ ในช่วงกลางปี ​​2004 อองรี คว้ารองเท้าทองคำของฤดูกาล 2003–04 ในฐานะผู้ทำประตูฟุตบอลชั้นนำของสมาคมฟุตบอลของยุโรป ที่ได้รับเลือกมาจากแข้งด้วยกันจำนวน 30 คน อองรี ได้รับเกียรติให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรปในปี 2004 และ 2006 และรองชนะเลิศในฐานะนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ในปี 2003 และ 2004 ในปี 2006 แถม อาร์เซน่อล ได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ลีก แม้ว่าพวกเขาจะแพ้ให้กับ เอฟซี บาร์เซโลนา ในตอนนั้น แต่ก็ถือว่าเป็นการจบแชมเปี้ยนส์ลีกที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร(รองแชมป์)

ในปี 2007 อองรี ย้ายไปร่วมสโมสร บาร์เซโลน่า ทำให้แฟนบอลอาร์เซน่อลหลายกลุ่มเป็นจำนวนมากออกมาโวยวาย และทำป้ายตำหนิประธานสโมสร ที่ขายตำนาน อองรี ไปให้ทีมสเปน ถึงขั้นประท้วงจนวุ่นวายมาระยะหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่ง บาร์เซโลน่า ซื้อ อองรี ไปแค่จำนวนเงินเพียง 16 ล้านปอนด์ เพราะสัญญาของ อองรี ใกล้จะหมดโดย อาร์เซน่อล เสนอสัญญาใหม่ไม่ถูกใจของเจ้าตัว อองรี ต้องการสัญญาใหม่ 2 ปี แต่ครั้งนั้น อาร์เซน่อล มอบให้เขาปีเดียวเอง

นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ทั้งแฟนบอลและเจ้าตัวไม่แฮปปี้ ทั้งที่สร้างผลงานให้กับอาร์เซน่อลมาอย่างต่อเนื่องหลายปีดีดัก แข้งชาวฝรั่งเศสจึงต้องจำใจย้ายทีมในที่สุด 8 ปีที่ อองรี อยู่กับ อาร์เซน่อล เขาลงสนามไปทั้งสิ้น 254 นัด ยิงไปมากกว่า 175 ประตู สร้างผลงานกับปืนโต แชมป์พรีเมียร์ลีก (2) สมัย : 2001–2002, 2003–2004(ไร้พ่าย), เอฟเอคัพ (3) สมัย : 2002, 2003, 2005, เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ (2) สมัย : 2002, 2004 ซึ่งหลังจากย้ายไปฝั่งสเปน อองรี ก็ยังคงรักษาระดับของฝีเท้าตัวเองได้อย่างดีต่อเนื่อง เขาอยู่กับ บาร์เซโลน่า 3 ฤดูกาล 2007-10 ใน 3 ฤดูกาลก็สามารถสร้างเกียรติยศให้กับตัวเองมาประดับได้อีก ไม่ว่าจะเป็น แชมป์ลาลิกา (2) สมัย : 2008–2009, 2009–2010,โกปาเดลเรย์ (1) สมัย : 2008-2009, ซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา (1) สมัย : 2009, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (1) สมัย : 2008-2009, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ (1) สมัย : 2009 และ ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก (1) สมัย : 2009

ไม่เพียงแค่นั้น หลังจาก อองรี หมดสัญญากับ บาร์เซโลน่า เขาก็โยกไปขุดทองที่อเมริกา กับสโมสรฟุตบอล นิวยอร์ก เรดบูลส์ และพาทีมได้แชมป์ (1) สมัย : 2010 ต่อจากนั้น อาร์เซน่อล ขอยืมตัวตำนานรายนี้มาช่วยทีมที่ทีมอยู่ในช่วงขาลง ผลงานของปืนโตย่ำแย่ถึงขีดสุด ตกอยู่ท้ายตารางเป็นครั้งแรกของสโมสรตั้งแต่ก่อตั้งมา จึงยืม อองรี มาเพื่อหวังให้ประคับประคองทีมหนีโซนอันตรายให้ได้ และก็ประสบผลสำเร็จอีกด้วย อองรี แขวนสตั๊ด เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2014 ด้วยวัย 37 ปี หลังจากนั่นก็ผันอาชีพไปเป็นกุนซือจนถึงทุกวันนี้

credit : https://www.britannica.com/

images credit : http://outsideoftheboot.com/

images credit : https://punditarena.com/

images credit : https://gunnerstown.com/