ตำนานนักเตะที่ถือได้ว่าเป็นกองหน้าอายุน้อยที่สุดที่ยิงในเวทีพรีเมียร์ลีกได้ “เวย์น รูนีย์”

เวย์น รูนีย์ เกิด 24 ตุลาคม ค.ศ. 1985 เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวอังกฤษ โดยเล่นในตำแหน่งกองหน้า ปัจจุบันรีไทร์นไปแล้ว และทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีม ดาร์บี้ เคาท์ตี้ ในเวทีเดอะแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ

เวย์น รูนีย์ เริ่มเล่นฟุตบอลให้กับ เอฟเวอร์ตัน ตั้งแต่ปี 2001 ในทีมเยาวชนโดย รูนี่ย์ มีบ้านเกิดอยู่ในย่าน คร็อกซ์เทธ ของเมือง ลิเวอร์พูล โดยตอนแรกเขามีความปรารถนาจะเล่นให้ เอฟเวอร์ตัน มากๆจึงได้รับแรงบันดาลใจในการฝากตัวเป็นสาวกท๊อฟฟี่จากครอบครัว และยังคงมีใจให้กับ เอฟเวอร์ตัน เสมอโดยใส่เสื้อหมายเลข 18 ซึ่งนัดที่แจ้งเกิดของเขาคือนัดที่ยิงประตูช่วยให้ เอฟเวอร์ตัน ต้นสังกัดของเขาเอาชนะ อาร์เซน่อล เมื่อปี 2002


หลังจากนั้น รูนีย์ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงสม่ำเสมอจากเดิมที่เป็นนักเตะฝึกหัดของสโมสร ได้รับค่าจ้างเพียง 10 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (ประมาณ 5,000 บาท) ก็ได้รับค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (ประมาณ 500,000 บาท)

ฟอร์มการเล่นของเขาได้พัฒนาขึ้นทำให้มีหลาย ๆ สโมสรต้องการเขาไปร่วมทีมจนกระทั่งปี 2004 เวย์น รูนีย์ ได้กลายเป็นนักเตะวัยรุ่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกหลังจากที่เซ็นสัญญาย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน มาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
โดยต้นสังกัดใหม่จ่ายค่าตัวสูงถึ 27 ล้านปอนด์ หรือ(ราว 1,500 ล้านบาท)

รูนีย์ ประเดิมสนามด้วยเสื้อหมายเลข 8 แทนที่ นิกกี้ บัตต์ ที่ย้ายออกจากทีมไปร่วมทีม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ รูนีย์ ได้รับค่าเหนื่อยสูงถึง 75,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ยังถูกเรียกตัวไปรับใช้ทีมชาติอังกฤษด้วยเช่นกัน เขาเริ่มต้นอาชีพกับแมนฯยูได้อย่างยอดเยี่ยม เขาทำแฮตทริกที่น่าจดจำกับ “เฟเนร์บาห์เช่’ ใน แชมเปี้ยนส์ลีก

เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2004-05 รูนีย์ทำไปแล้ว 17 ประตูจาก 43 นัด เขาเล่นในปี 2006, 2010, 2014 และ 2018 สำหรับทีมชาติของเขา
เขาช่วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์มาครองสี่รายการ พรีเมียร์ลีกห้าฤดูกาล เมื่อปี 2006 รูนีย์ ได้สวมเสื้อหมายเลข 10 แทนที่ รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่ย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด แต่ที่นี่ไม่ใช่ว่าจะดังกันได้ง่ายๆเพราะช่วงที่เขาอยู่มีซุปตาร์ประจำใจของแฟนแมนฯยูอยู่แล้วอย่าง เดวิด เบคแฮม จึงยังทำให้ รูนีย์ ไม่ดังในสายตาแฟนบอลมากเท่าไหร่

แต่สิ่งที่ติดตาแฟนบอลสำหรับเขในตอนนั้น คือการออกมาโต้แย้งกับกรรมการกลางสนามบ่อยครั้งนั่นเอง ในฤดูกาล 2007-08 เวย์น รูนีย์พลาดการแข่งขันหลายนัดเนื่องจากอาการบาดเจ็บรบกวนจนไม่ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เขาจบฤดูกาลด้วย 18 ประตูและเป็นส่วนหนึ่งในชัยชนะของทีม เหนือทีม เชลซี และช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีกมาครอง เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของลีก ที่ลงเล่นครบ 200 เกม
ในฤดูกาล 2009-10 เวย์น รูนีย์ ยิงประตูครบที่ 100 ประตู ในพรีเมียร์ลีกของเขาในการเอาชนะ อาร์เซน่อล 3-1 ในฤดูกาลเดียวกันนี้ โดยในปี 2010 รูนีย์ เกือบที่จะไม่ต่อสัญญากับสโมสรออกไปอีก และมีแนวโน้มว่าจะย้ายทีม ไปร่วม เรอัล มาดริด แต่เรื่องนี้ได้จบลงได้เมื่อ รูนีย์ เปลี่ยนใจได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่โดยไม่เปิดเผยค่าเหนื่อยที่ได้รับ ซึ่งประมาณการณ์ว่าน่าจะสูงถึง 250,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เลยทีเดียว


ระหว่างฤดูกาล 2011-12 รูนี่ย์นำทีมของเขาเอาชนะอาร์เซน่อล ไปถึง 8-2 ด้วยการทำ แฮตทริก และประตูแรกของแฮตทริกในวันนั้นก็เป็นประตูที่ 150 ของเขาในสโมสร แมนฯ ยูไนเต็ด อีกด้วย เขาทำแฮตทริกในเกมถัดไปด้วย ในเกมเยือนที่เอาชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 5-0 อีกครั้ง

ในปี 2014 เวย์น รูนีย์ ตกลงต่อสัญญากับทีมออกไปอีก 4 ปี จนถึงปี 2019 รับค่าเหนื่อย 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และได้รับการคาดหมายว่าจะได้รับหน้าที่กัปตันทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคนต่อไปในฤดูกาล 2014-2015 ต่อจากเนมันยา วิดิช ที่ประกาศว่าจะไม่ต่อสัญญากับทีมทีจะหมดหมดอนาคตหลังจบฤดูกาล 2013-2014 ในฤดูกาล 2014-2015 หลังจากเนมันยา วิดิช ได้ย้ายไปอินเตอร์มิลาน

ในฤดูกาล 2015-16 รูนี่ย์ ยิงได้ 15 ประตูในทุกรายการ เป็นรองดาวซัลโวของสโมสรในฤดูกาลนั้น แต่ในฤดูกาลนี้รูนี่ย์ ยิงประตูให้ทีมชาติ อังกฤษ เพิ่มเป็น 53 ประตู ทำให้กลายเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของอังกฤษ และลงสนามไป 115 นัดเทียบเท่าเดวิด เบ็คแฮม ยิงประตูที่ 245 ให้แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นรองดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีม และพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพ สมัยที่ 12 และสมัยแรกในชีวิตของรูนี่ย์มาครองได้สำเร็จ

ฤดูกาล 2016-17 รูนี่ย์ เป็นกลายเป็นตัวสำรองในทีมของ มูรินโญ่ และเขาได้ทำลายสถิติของ เซอร์บ็อบบี ชาลส์ตัน ที่ยิงไว้ 249 ประตู ให้ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้แล้ว โดยเขาสามารถยิงประตูได้รวมทั้งสิ้น 253 ประตู และสุดท้ายเขาก็หมดอนาคตในถิ่น โอลด์แทรฟฟอร์ด ยุคของ มูรินโญ่ คงเพราะอายุอานามปาเข้า 32 ปี กลายเป็นม้านอกสายตาของกุนซือรายนี้ไป

เขาถูกขายต่อไปยังสโมสร เอฟเวอร์ตัน อีกครั้ง เขาอยู่กับ ท็อฟฟี่ ได้เพียงปีเดียวก็ย้ายสังกัดอีก คราวนี้เขาข้ามฟากไปยัง เมเจอร์ ลีก อเมริกา และค้าแข้งที่นั่นได้สองปี ก็กลับมาอังกฤษอีกครั้ง โดยไปอยู่กับ ดาร์บี้ เคาท์ตี้ ในฐานะ ผู้เล่นและตำแหน่งผู้ช่วยโค้ชของทีม”แกะเขาเหล็ก” สุดท้ายก็ยุติการค้าแข้งและรับหน้าที่เป็นกุนซือเต็มตัวในเวลาต่อมา
เกียรติประวัติ
-พรีเมียร์ลีก 2006-07, 2007-08, 2008-09, 2010-11, 2012-13
-ลีกคัพ 2005-06,2009-10,2016-2017
-เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ 2007, 2010, 2011, 2013, 2016
-ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2007-08
-ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ 2008
-เอฟเอคัพ 2015-16-2016-17
-ยูฟ่ายูโรปาลีก 2016-17-2017-18
-รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 2006-07, 2010-11

credit : https://thesefootballtimes.co/2017/01/30/wayne-rooney-an-inconvenient-legend/

images credit : https://thesefootballtimes.co/

images credit : https://www.planetfootball.com/

images credit : https://www.sportbible.com/

images credit : https://www.thesun.co.uk/